นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ภายในเดือนกรกฎาคมนี้กระทรวงฯ เตรียมเชิญ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) และกระทรวงการต่างประเทศ มาหารือถึงแนวทางดำเนินการโครงการทำประกันภัยให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ เนื่องจากปัจจุบันยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนเรื่องการจัดหางบประมาณในการจ่ายเบี้ยประกันให้กับสมาคมประกันวินาศภัยไทย ที่คาดว่าจะต้องจ่ายเบี้ยกรธรรม์ถึง 150-180 ล้านบาทต่อปี ซึ่งเป็นงบประมาณที่สูงและมีการท้วงติงจากหลายฝ่ายไม่ให้ใช้งบประมาณของภาครัฐ
ทั้งนี้ แนวทางในเบื้องต้นกระทรวงฯ มองว่าจะร่วมมือกับ ตม.หาช่องทางการคิดค่าประกันภัยให้นักท่องเที่ยวทุกคนที่เดินเข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทย โดยมองว่าจะสอดแทรกเข้าไปในค่าใช้จ่ายส่วนต่างๆ เช่น ค่าวีซ่า ค่าตั๋วเครื่องบิน แต่กรณีดังกล่าวอาจติดปัญหาในเรื่องสายการบินต่างๆ ที่บินลงที่ประเทศไทยมีจำนวนมาก และอาจจะไม่สามารถเจรจาในเรื่องดังกล่าวได้ทั้งหมด ขณะที่อีกแนวทางหนึ่ง คือการเพิ่มค่าใช้จ่ายใหม่ลงไปอย่างชัดเจน และระบุเป็นค่าประกันภัยนักท่องเที่ยว ซึ่งตนเองมองว่า ค่าใช้จ่ายดังกล่าวไม่ได้กระทบกับนักท่องเที่ยวมากนัก เพราะจากการหารือกับสมาคมประกันวินาศภัยไทย ได้ข้อสรุปมาแล้วว่า เสียค่าเบี้ยประกันหัวละ 6 บาทเท่านั้น
นางกอบกาญจน์ กล่าวว่า ในเรื่องของประกันภัยนักท่องเที่ยวเป็นเรื่องที่พูดมาหลายรัฐบาลแล้ว แต่ไม่เคยได้ข้อสรุปที่ชัดเจนนัก ซึ่งจะติดปัญหาในเรื่องของการหาเงินมาเป็นเบี้ยประกันให้กับสมาคมฯ และในตอนนี้กระทรวงฯ ก็พยายามจะหาแนวทางสรุปให้ได้ เพราะปัจจุบันแนวโน้มการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มเป็นการเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเอง (เอฟไอที) มากขึ้น เป็นสัดส่วนกว่าร้อยละ 50-60 ซึ่งกลุ่มนี้ส่วนใหญ่มักไม่ทำประกันภัย ต่างจากพวกที่มากับกรุ๊ปทัวร์ที่บริษัททัวร์จะต้องบังคับให้ทำประกันภัยนักท่องเที่ยวอยู่แล้ว แต่หากจะเพิ่มค่าประกันภัยนักท่องเที่ยวลงไปในค่าวีซ่า ก็ยังไม่สมเหตุสมผล เนื่องจากประเทศไทยได้ยกเว้นวีซ่าท่องเที่ยวให้กับนักท่องเที่ยวในหลายประเทศ หากเก็บเฉพาะกลุ่มที่ทำวีซ่า กระทรวงฯ มองว่าจะถือเป็นการเลือกปฏิบัติ
ทั้งนี้ แนวทางในเบื้องต้นกระทรวงฯ มองว่าจะร่วมมือกับ ตม.หาช่องทางการคิดค่าประกันภัยให้นักท่องเที่ยวทุกคนที่เดินเข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทย โดยมองว่าจะสอดแทรกเข้าไปในค่าใช้จ่ายส่วนต่างๆ เช่น ค่าวีซ่า ค่าตั๋วเครื่องบิน แต่กรณีดังกล่าวอาจติดปัญหาในเรื่องสายการบินต่างๆ ที่บินลงที่ประเทศไทยมีจำนวนมาก และอาจจะไม่สามารถเจรจาในเรื่องดังกล่าวได้ทั้งหมด ขณะที่อีกแนวทางหนึ่ง คือการเพิ่มค่าใช้จ่ายใหม่ลงไปอย่างชัดเจน และระบุเป็นค่าประกันภัยนักท่องเที่ยว ซึ่งตนเองมองว่า ค่าใช้จ่ายดังกล่าวไม่ได้กระทบกับนักท่องเที่ยวมากนัก เพราะจากการหารือกับสมาคมประกันวินาศภัยไทย ได้ข้อสรุปมาแล้วว่า เสียค่าเบี้ยประกันหัวละ 6 บาทเท่านั้น
นางกอบกาญจน์ กล่าวว่า ในเรื่องของประกันภัยนักท่องเที่ยวเป็นเรื่องที่พูดมาหลายรัฐบาลแล้ว แต่ไม่เคยได้ข้อสรุปที่ชัดเจนนัก ซึ่งจะติดปัญหาในเรื่องของการหาเงินมาเป็นเบี้ยประกันให้กับสมาคมฯ และในตอนนี้กระทรวงฯ ก็พยายามจะหาแนวทางสรุปให้ได้ เพราะปัจจุบันแนวโน้มการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มเป็นการเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเอง (เอฟไอที) มากขึ้น เป็นสัดส่วนกว่าร้อยละ 50-60 ซึ่งกลุ่มนี้ส่วนใหญ่มักไม่ทำประกันภัย ต่างจากพวกที่มากับกรุ๊ปทัวร์ที่บริษัททัวร์จะต้องบังคับให้ทำประกันภัยนักท่องเที่ยวอยู่แล้ว แต่หากจะเพิ่มค่าประกันภัยนักท่องเที่ยวลงไปในค่าวีซ่า ก็ยังไม่สมเหตุสมผล เนื่องจากประเทศไทยได้ยกเว้นวีซ่าท่องเที่ยวให้กับนักท่องเที่ยวในหลายประเทศ หากเก็บเฉพาะกลุ่มที่ทำวีซ่า กระทรวงฯ มองว่าจะถือเป็นการเลือกปฏิบัติ