นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวWatana Muangsook ผ่านหัวข้อ เผด็จการเผด็จโกง โดยระบุว่าผมสมเพชที่เห็นเผด็จการและสมุนบริวารทั้งหลาย พากันออกมากล่าวหาเด็กที่รณรงค์เผยแพร่ความเห็นที่จะไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ หัวหน้าเผด็จการเป็นเอามากถึงขนาดบอกเป็นร่างรัฐธรรมนูญปลอม มีผู้ให้ทุนอยู่เบื้องหลังและจะสั่งสอบท่อน้ำเลี้ยงพวกต้านรัฐธรรมนูญ นายมีชัยกล่าวหาเป็นวิชามาร ลูกสมุนบอกเป็นเอกสารบิดเบือนจูงใจ แม้ว่าผู้รักษาการตามกฎหมายคือ กกต. จะออกมาบอกว่าเอกสารที่เด็กแจกเป็นเพียงความเห็นแย้งไม่ถือเป็นร่างรัฐธรรมนูญปลอมก็ตาม
โดย นายวัฒนา ระบุอีกว่า เผด็จการและสมุนบริวารเหล่านี้ไม่ได้สำนึกเลยว่า สิ่งที่เด็กกำลังต่อสู้เรียกร้องคือประชาธิปไตย กล่าวหาโดยไม่ได้ดูว่าสิ่งที่พวกตนได้ทำมานั้นเป็นเสียยิ่งกว่าการโกงและวิชามาร ตั้งแต่การจับกุมคนที่แสดงความเห็นไม่รับร่างรัฐธรรมนูญไปกักขังด้วยข้ออ้างปรับทัศนคติ รื้อถอนและห้ามเปิดศูนย์ปราบการโกงประชามติ จับประชาชนที่จะเปิดศูนย์ไปกักขัง ไม่นับรวมการที่รัฐบาลอนุมัติเงินงบกลางส่งไปให้หมู่บ้านทำโครงการหมู่บ้านละ 200,000 บาท สั่งตัดชุดเครื่องแบบใหม่ชุดละ 2,500 บาท ให้กำนันผู้ใหญ่บ้านทั่วประเทศในระหว่างการทำประชามติที่รัฐบาลและ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยไม่มีความละอาย อ้างแบบศรีธนญชัยว่าเป็นความบังเอิญไม่ใช่การซื้อเสียง ที่แย่ไปกว่านั้นคือการให้กรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญที่เป็นผู้ร่างรัฐธรรมนูญและเป็นผู้มีส่วนได้เสียออกไปชี้แจงร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งถือเป็นผลประโยชน์ทับซ้อนแต่ห้ามอีกฝ่ายแสดงความเห็น ทำกันถึงขนาดนี้ยังไม่มีความอายแต่จะมาสอบเด็ก
โดย นายวัฒนา ระบุอีกว่า เผด็จการและสมุนบริวารเหล่านี้ไม่ได้สำนึกเลยว่า สิ่งที่เด็กกำลังต่อสู้เรียกร้องคือประชาธิปไตย กล่าวหาโดยไม่ได้ดูว่าสิ่งที่พวกตนได้ทำมานั้นเป็นเสียยิ่งกว่าการโกงและวิชามาร ตั้งแต่การจับกุมคนที่แสดงความเห็นไม่รับร่างรัฐธรรมนูญไปกักขังด้วยข้ออ้างปรับทัศนคติ รื้อถอนและห้ามเปิดศูนย์ปราบการโกงประชามติ จับประชาชนที่จะเปิดศูนย์ไปกักขัง ไม่นับรวมการที่รัฐบาลอนุมัติเงินงบกลางส่งไปให้หมู่บ้านทำโครงการหมู่บ้านละ 200,000 บาท สั่งตัดชุดเครื่องแบบใหม่ชุดละ 2,500 บาท ให้กำนันผู้ใหญ่บ้านทั่วประเทศในระหว่างการทำประชามติที่รัฐบาลและ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยไม่มีความละอาย อ้างแบบศรีธนญชัยว่าเป็นความบังเอิญไม่ใช่การซื้อเสียง ที่แย่ไปกว่านั้นคือการให้กรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญที่เป็นผู้ร่างรัฐธรรมนูญและเป็นผู้มีส่วนได้เสียออกไปชี้แจงร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งถือเป็นผลประโยชน์ทับซ้อนแต่ห้ามอีกฝ่ายแสดงความเห็น ทำกันถึงขนาดนี้ยังไม่มีความอายแต่จะมาสอบเด็ก