น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสารสนเทศและการสื่อสาร พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า เห็นด้วยกับแนวคิดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่จะให้นักการเมืองพูดคุยกันอย่างไม่เป็นทางการว่า ก่อนหน้านี้ตนเองยังไม่เห็นท่าทีที่ชัดเจนของนายอภิสิทธิ์ แต่หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ ออกมาไฟเขียว และนายอภิสิทธิ์ ออกมารับลูก ต้องถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีการเสนอแนวความคิดนี้ออกมาจากนักการเมืองหลายพรรค รวมทั้งคนในพรรคประชาธิปัตย์เองก็ตาม ยกเว้นตนยังไม่เห็นด้วยที่จะใช้คำว่าหารือกันอย่างไม่เป็นทางการเพียง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ผิดกฎหมาย
ทั้งนี้เพราะสิ่งที่นักการเมืองควรทำก็คือหารือกันอย่างเปิดเผย และโปร่งใส เพื่อไม่ให้ใครก็ตามมานั่งหวาดระแวงกันกลัวกัน และมานั่งทำลายกัน จนบ้านเมืองเดินหน้าไม่ได้เหมือนทุกวันนี้
น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวต่อว่า วันนี้ตนไม่อยากเห็นการใช้วาทะกรรมในทางการเมืองเหมือนที่ผ่านมา เพราะไม่สามารถแก้ไขปัญหาอะไรได้เลยนอกจากจะเพิ่มความเกลียดชังระหว่างกันเท่านั้น วันนี้ประเทศต้องการทุกคนมาช่วยเหลือกันทุกภาคส่วน และการที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ออกมาพูดคุยในประเด็นนี้ เนื่องจากวันนี้สังคมไม่ต้องการที่เห็นความขัดแย้งอีกแล้ว และถ้าหากพูดคุยกันแล้ว มีข้อสรุปหรือข้อเสนอแนะใดที่จะเป็นประโยชน์ และแก้ไขปัญหาให้กับประเทศได้ ก็จะได้นำมาปรับปรุงหรือประยุกต์ใช้กับการปฏิรูปนักการเมืองและพรรคการเมือง เพื่อใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้สามารถเดินหน้าได้ต่อไป
ทั้งนี้เพราะสิ่งที่นักการเมืองควรทำก็คือหารือกันอย่างเปิดเผย และโปร่งใส เพื่อไม่ให้ใครก็ตามมานั่งหวาดระแวงกันกลัวกัน และมานั่งทำลายกัน จนบ้านเมืองเดินหน้าไม่ได้เหมือนทุกวันนี้
น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวต่อว่า วันนี้ตนไม่อยากเห็นการใช้วาทะกรรมในทางการเมืองเหมือนที่ผ่านมา เพราะไม่สามารถแก้ไขปัญหาอะไรได้เลยนอกจากจะเพิ่มความเกลียดชังระหว่างกันเท่านั้น วันนี้ประเทศต้องการทุกคนมาช่วยเหลือกันทุกภาคส่วน และการที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ออกมาพูดคุยในประเด็นนี้ เนื่องจากวันนี้สังคมไม่ต้องการที่เห็นความขัดแย้งอีกแล้ว และถ้าหากพูดคุยกันแล้ว มีข้อสรุปหรือข้อเสนอแนะใดที่จะเป็นประโยชน์ และแก้ไขปัญหาให้กับประเทศได้ ก็จะได้นำมาปรับปรุงหรือประยุกต์ใช้กับการปฏิรูปนักการเมืองและพรรคการเมือง เพื่อใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้สามารถเดินหน้าได้ต่อไป