พระครูสุนทรปริยัติคุณ (บุญเยี่ยม) เจ้าอาวาสวัดวารีบรรพต ในฐานะเจ้าคณะอำเภอกะเปอร์ จ.ระนอง เปิดเผยถึงกรณีที่ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลการร้องเรียนว่า มีพระทำตัวไม่เหมาะสมเตรียมประกาศศาสนาใหม่ชื่อ พุทธะธรรมชาติ และตั้งตนเป็นศาสดา รวมถึงมีการระดมเงินเพื่อเตรียมสร้างศูนย์รวมศาสนาในพื้นที่ตำบลกำพวน อ.สุขสำราญ จ.ระนอง
ดังนั้นจึงได้ลงพื้นที่พร้อมด้วยทหารจากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ส่วนแยก 1 ทหารจากหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 กองกำลังเทพสตรี และผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดระนอง โดยได้ประสานงานไปยังนายสมกิจ เกศนาคินทร์ นายอำเภอสุขสำราญ เพื่อเชิญตัวผู้พระที่ถูกกล่าวหาไปสอบถามที่ว่าการอำเภอสุขสำราญ ซึ่งเมื่อไปถึงก็พบว่าพระรูปดังกล่าวได้สึกมาเป็นชาวบ้านธรรมดาแล้ว
สำหรับอดีตพระรูปดังกล่าว เดิมชื่อนายศุภกิจ เงินทอง เมื่อเป็นพระมีฉายาว่า พระศุภกิจ มหิทธโก บวชมาแล้ว 3 พรรษา สังกัดวัดสีตลากร อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช โดยในปีที่แล้วเคยมีข่าวถูกขับมาจากจังหวัดนครศรีธรรมราช และได้มาอยู่ในเขตพื้นที่อำเภอสุขสำราญ จ.ระนอง พร้อมด้วยสามเณร ภิกษุณี และแม่ชี ซึ่งตนได้เคยเข้ามาพูดคุยในเรื่องของการประพฤติตนให้เหมาะสม จากการตรวจสอบหนังสือสุทธิพบว่าได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็น พระอนัตต์ณังธะโคตร ญาณธนโชติ เมื่อวันที่ 18 พ.ค. 58 โดยต่อมาจึงทราบว่าได้มีการสึกไปหมดแล้วทั้งภิกษุ ภิกษุณี เณร และแม่ชี เมื่อปลายปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้เมื่อตรวจสอบบัตรประชาชนพบว่า มีการเปลี่ยนทั้งชื่อและนามสกุลเป็น นายอนัตต์ณังธะโคตร ญาณ์ธนโชติ โดยระบุศาสนาในบัตรประชาชนเป็น พุทธะธรรมชาติ และได้มีการตั้งเพจในเฟซบุ๊คใช้ชื่อว่า “ศูนย์รวมศาสนา พุทธะธรรมชาติ” ได้มีการลงประกาศตั้งศาสนาใหม่ชื่อ พุทธะธรรมชาติศาสนา พร้อมกำหนดประกาศตนเป็นพระศาสดา และจะแสดงปฐมเทศนาธรรม ในวันที่ 10 ก.ค. 59 ที่ศูนย์รวมศาสนาพุทธะธรรมชาติ อีกทั้งยังได้ประกาศระดมทุนหรือร่วมทำบุญเพื่อซื้อที่ดินก่อสร้างสถานที่ปฏิบัติธรรม และศูนย์รวมศาสนา ที่รวมเอาศาสนสถานของทุกศาสนามาไว้ในบริเวณเดียวกัน
อย่างไรก็ตามการกระทำดังกล่าวนับว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องทั้งทางกฎหมาย และทางศาสนา เพราะการจะสร้างศูนย์รวมศาสนาจะต้องมีองค์กรรองรับทั้งฝ่ายสงฆ์และฝ่ายราชการ ที่ผ่านมาไม่มีองค์กรใดรองรับ และมีการประกาศให้คนมาร่วมทำบุญ จึงหมิ่นเหม่เป็นการหลอกลวง ซึ่งเท่าที่ตรวจสอบ ยังไม่มีองค์ประกอบครบถ้วน และมีความสับสนในตนเอง เพราะในสถานที่นั้นมีการเลี้ยงม้า สร้างศิวลึงค์ พระอิศวร บูชาฤาษี แต่บอกว่าตนเองเป็นพุทธะ ซึ่งบ่งบอกว่ามั่ว และไม่เข้าใจรูปแบบของศาสนา แต่อยากจะทำและไม่มีหลักการ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงนำตัวนายอนัตต์ณังธะโคตร ญาณ์ธนโชติ ไปทำบัตรประชาชนใหม่ และได้ตัดศาสนาออกจากบัตรประชาชน และได้ย้ำมิให้ดำเนินการใด ๆ ในพื้นที่อีก หากยังพบเห็นจะดำเนินการโดยเฉียบขาดทันที
สำหรับพระอนัตต์ณังธะโคตร ญาณธนโชติ เดิมชื่อ พระศุภกิจ มหิทธโก เรียกตัวเองว่า “พระอาจารย์ชา” เคยมีข่าวฉาวในการแอบอ้างว่ามีอภินิหาร เช่น เหงื่อหรือเลือดไหลออกมาเป็นพระธาตุ นอนฝันว่ามีเทวดามาโปรยดอกไม้แล้วกลายเป็นธนบัตร รวมถึงถูกขับไล่ออกจากจังหวัดนครศรีธรรมราช เนื่องจากไปใช้สถานที่เก็บร่างของอดีตเจ้าอาวาสเป็นที่เก็บฟางเลี้ยงม้า เมื่อย้ายไปจำวัดอยู่พื้นที่จังหวัดพังงา ก็ถูกชาวบ้านต่อต้าน จนกระทั่งมาอยู่ในพื้นที่จังหวัดระนอง และจากการตรวจสอบล่าสุดพบว่า เพจเฟซบุ๊ค “ศูนย์รวมศาสนา พุทธะธรรมชาติ” ที่ได้มีการเผยแพร่กิจกรรม รวมถึงลงภาพอภินิหารในอดีตได้ปิดไปแล้ว
ดังนั้นจึงได้ลงพื้นที่พร้อมด้วยทหารจากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ส่วนแยก 1 ทหารจากหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 กองกำลังเทพสตรี และผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดระนอง โดยได้ประสานงานไปยังนายสมกิจ เกศนาคินทร์ นายอำเภอสุขสำราญ เพื่อเชิญตัวผู้พระที่ถูกกล่าวหาไปสอบถามที่ว่าการอำเภอสุขสำราญ ซึ่งเมื่อไปถึงก็พบว่าพระรูปดังกล่าวได้สึกมาเป็นชาวบ้านธรรมดาแล้ว
สำหรับอดีตพระรูปดังกล่าว เดิมชื่อนายศุภกิจ เงินทอง เมื่อเป็นพระมีฉายาว่า พระศุภกิจ มหิทธโก บวชมาแล้ว 3 พรรษา สังกัดวัดสีตลากร อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช โดยในปีที่แล้วเคยมีข่าวถูกขับมาจากจังหวัดนครศรีธรรมราช และได้มาอยู่ในเขตพื้นที่อำเภอสุขสำราญ จ.ระนอง พร้อมด้วยสามเณร ภิกษุณี และแม่ชี ซึ่งตนได้เคยเข้ามาพูดคุยในเรื่องของการประพฤติตนให้เหมาะสม จากการตรวจสอบหนังสือสุทธิพบว่าได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็น พระอนัตต์ณังธะโคตร ญาณธนโชติ เมื่อวันที่ 18 พ.ค. 58 โดยต่อมาจึงทราบว่าได้มีการสึกไปหมดแล้วทั้งภิกษุ ภิกษุณี เณร และแม่ชี เมื่อปลายปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้เมื่อตรวจสอบบัตรประชาชนพบว่า มีการเปลี่ยนทั้งชื่อและนามสกุลเป็น นายอนัตต์ณังธะโคตร ญาณ์ธนโชติ โดยระบุศาสนาในบัตรประชาชนเป็น พุทธะธรรมชาติ และได้มีการตั้งเพจในเฟซบุ๊คใช้ชื่อว่า “ศูนย์รวมศาสนา พุทธะธรรมชาติ” ได้มีการลงประกาศตั้งศาสนาใหม่ชื่อ พุทธะธรรมชาติศาสนา พร้อมกำหนดประกาศตนเป็นพระศาสดา และจะแสดงปฐมเทศนาธรรม ในวันที่ 10 ก.ค. 59 ที่ศูนย์รวมศาสนาพุทธะธรรมชาติ อีกทั้งยังได้ประกาศระดมทุนหรือร่วมทำบุญเพื่อซื้อที่ดินก่อสร้างสถานที่ปฏิบัติธรรม และศูนย์รวมศาสนา ที่รวมเอาศาสนสถานของทุกศาสนามาไว้ในบริเวณเดียวกัน
อย่างไรก็ตามการกระทำดังกล่าวนับว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องทั้งทางกฎหมาย และทางศาสนา เพราะการจะสร้างศูนย์รวมศาสนาจะต้องมีองค์กรรองรับทั้งฝ่ายสงฆ์และฝ่ายราชการ ที่ผ่านมาไม่มีองค์กรใดรองรับ และมีการประกาศให้คนมาร่วมทำบุญ จึงหมิ่นเหม่เป็นการหลอกลวง ซึ่งเท่าที่ตรวจสอบ ยังไม่มีองค์ประกอบครบถ้วน และมีความสับสนในตนเอง เพราะในสถานที่นั้นมีการเลี้ยงม้า สร้างศิวลึงค์ พระอิศวร บูชาฤาษี แต่บอกว่าตนเองเป็นพุทธะ ซึ่งบ่งบอกว่ามั่ว และไม่เข้าใจรูปแบบของศาสนา แต่อยากจะทำและไม่มีหลักการ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงนำตัวนายอนัตต์ณังธะโคตร ญาณ์ธนโชติ ไปทำบัตรประชาชนใหม่ และได้ตัดศาสนาออกจากบัตรประชาชน และได้ย้ำมิให้ดำเนินการใด ๆ ในพื้นที่อีก หากยังพบเห็นจะดำเนินการโดยเฉียบขาดทันที
สำหรับพระอนัตต์ณังธะโคตร ญาณธนโชติ เดิมชื่อ พระศุภกิจ มหิทธโก เรียกตัวเองว่า “พระอาจารย์ชา” เคยมีข่าวฉาวในการแอบอ้างว่ามีอภินิหาร เช่น เหงื่อหรือเลือดไหลออกมาเป็นพระธาตุ นอนฝันว่ามีเทวดามาโปรยดอกไม้แล้วกลายเป็นธนบัตร รวมถึงถูกขับไล่ออกจากจังหวัดนครศรีธรรมราช เนื่องจากไปใช้สถานที่เก็บร่างของอดีตเจ้าอาวาสเป็นที่เก็บฟางเลี้ยงม้า เมื่อย้ายไปจำวัดอยู่พื้นที่จังหวัดพังงา ก็ถูกชาวบ้านต่อต้าน จนกระทั่งมาอยู่ในพื้นที่จังหวัดระนอง และจากการตรวจสอบล่าสุดพบว่า เพจเฟซบุ๊ค “ศูนย์รวมศาสนา พุทธะธรรมชาติ” ที่ได้มีการเผยแพร่กิจกรรม รวมถึงลงภาพอภินิหารในอดีตได้ปิดไปแล้ว