นายศิริ หวังบุญเกิด ไวยาวัชกร วัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน เปิดเผยว่า หลวงตาจันทร์ เจ้าอาวาสวัด ได้แต่งตั้งให้ตนเป็นไวยาวัจกร เพื่อต่อสู้คดีเกี่ยวกับการที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตป่า และพันธุ์พืช นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าขนย้ายเสือโคร่งของกลาง จำนวน 147 ตัว ออกไปจากวัด ซึ่งหลังจากกรมอุทยานฯ ขนย้ายเสือไปหมดแล้ว ความเดือดร้อนก็ตกอยู่กับวัด
เนื่องจากทางวัดไม่มีรายได้ที่จะนำเงินไปซื้ออาหารมาให้สัตว์ ที่เหลืออยู่ ทั้ง เก้ง กวาง ม้า ละมั่ง หมูป่า รวมทั้งวัว และ ควาย จำนวนกว่า 4 พันตัว หลังจากขนย้ายเสือไปแล้วทางกรมอุทยานฯ ไม่เคยเข้ามาดูแล ขนย้ายสัตว์ของกลางชนิดอื่นๆ ที่ฝากให้ทางวัดเลี้ยงดูแลเลย
เบื้องต้นทางวัดจะดำเนินการฟ้องร้องกรมอุทยานฯ และฟ้องร้องกับอดีตเจ้าหน้าที่ของวัด ที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง 2 กลุ่ม คือ กลุ่มของนายสมชัย วิเศษชัยมงคล อดีตนายสัตวแพทย์ผู้ดูแลเสือของกลาง และกลุ่มของพันตำรวจเอก ศุภิฏพงศ์ ภักดิ์จรุง รองประธานมูลนิธิวัดฯ และครอบครัว
ทั้งนี้ได้รวบรวมเอกสารต่างๆ ย้อนหลังหลายปี เพื่อนำไปเป็นหลักฐานในการฟ้องร้อง ส่วนผลการฟ้องร้องจะเป็นอย่างไร ขอให้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาคดีของศาล ที่ผ่านมากลุ่มบุคคลทั้งสองพยายามโยนความผิดให้กับหลวงตาจันทร์เพียงคนเดียว แต่แท้จริงแล้วทั้งสองกลุ่มเกิดการขัดแย้งเพื่อช่วงชิงผลประโยชน์กัน
ส่วนกรณีที่หมอสมชัย ระบุว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อทางวัด ตนต้องขอเรียนชี้แจงให้ประชาชนทั่วไปทราบว่า หมอสมชัย มีส่วนเกี่ยวข้องต่อทางวัดอย่างแน่นอน เพราะหมอสมชัยบอกว่าเป็นจิตอาสาเข้ามาดูแลเสือของกลางตั้งแต่ต้น ถามว่าหมอสมชัย เป็นจิตอาสาประเภทไหน เพราะรับเงินจากวัดสัปดาห์ละ 6,000 บาทมาโดยตลอด
ทั้งนี้หากในอนาคตศาลตัดสินออกมาว่า ทางวัดผิด ก็ขอให้ดำเนินคดีให้เหมาะสมกับความผิด แต่หากศาลตัดสินว่า วัดไม่ผิดก็ขอให้ลงโทษกับหน่วยงานรัฐและกลุ่มบุคคลให้เหมาะสมด้วยเช่นกัน เพราะบ้านเมืองของเราเป็นนิติรัฐต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย ไม่มีใครสามารถอยู่เหนือกฎหมายไปได้
เนื่องจากทางวัดไม่มีรายได้ที่จะนำเงินไปซื้ออาหารมาให้สัตว์ ที่เหลืออยู่ ทั้ง เก้ง กวาง ม้า ละมั่ง หมูป่า รวมทั้งวัว และ ควาย จำนวนกว่า 4 พันตัว หลังจากขนย้ายเสือไปแล้วทางกรมอุทยานฯ ไม่เคยเข้ามาดูแล ขนย้ายสัตว์ของกลางชนิดอื่นๆ ที่ฝากให้ทางวัดเลี้ยงดูแลเลย
เบื้องต้นทางวัดจะดำเนินการฟ้องร้องกรมอุทยานฯ และฟ้องร้องกับอดีตเจ้าหน้าที่ของวัด ที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง 2 กลุ่ม คือ กลุ่มของนายสมชัย วิเศษชัยมงคล อดีตนายสัตวแพทย์ผู้ดูแลเสือของกลาง และกลุ่มของพันตำรวจเอก ศุภิฏพงศ์ ภักดิ์จรุง รองประธานมูลนิธิวัดฯ และครอบครัว
ทั้งนี้ได้รวบรวมเอกสารต่างๆ ย้อนหลังหลายปี เพื่อนำไปเป็นหลักฐานในการฟ้องร้อง ส่วนผลการฟ้องร้องจะเป็นอย่างไร ขอให้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาคดีของศาล ที่ผ่านมากลุ่มบุคคลทั้งสองพยายามโยนความผิดให้กับหลวงตาจันทร์เพียงคนเดียว แต่แท้จริงแล้วทั้งสองกลุ่มเกิดการขัดแย้งเพื่อช่วงชิงผลประโยชน์กัน
ส่วนกรณีที่หมอสมชัย ระบุว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อทางวัด ตนต้องขอเรียนชี้แจงให้ประชาชนทั่วไปทราบว่า หมอสมชัย มีส่วนเกี่ยวข้องต่อทางวัดอย่างแน่นอน เพราะหมอสมชัยบอกว่าเป็นจิตอาสาเข้ามาดูแลเสือของกลางตั้งแต่ต้น ถามว่าหมอสมชัย เป็นจิตอาสาประเภทไหน เพราะรับเงินจากวัดสัปดาห์ละ 6,000 บาทมาโดยตลอด
ทั้งนี้หากในอนาคตศาลตัดสินออกมาว่า ทางวัดผิด ก็ขอให้ดำเนินคดีให้เหมาะสมกับความผิด แต่หากศาลตัดสินว่า วัดไม่ผิดก็ขอให้ลงโทษกับหน่วยงานรัฐและกลุ่มบุคคลให้เหมาะสมด้วยเช่นกัน เพราะบ้านเมืองของเราเป็นนิติรัฐต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย ไม่มีใครสามารถอยู่เหนือกฎหมายไปได้