พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการผู้นำเพื่อการพัฒนาการศึกษาที่ยั่งยืน หรือ CONNEXT ED ซึ่งเป็นความร่วมมือของทางภาครัฐ กระทรวงต่างๆที่เกี่ยวข้อง และภาคเอกชน 12 องค์กร อาทิ กลุ่ม ปตท. ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารไทยพาณิชย์ กลุ่มเซนทรัล และเครือเจริญโภคภัณท์ ภายใต้โครงการสานพลังประชารัฐด้านการศึกษาพื้นฐานและการพัฒนาผู้นำ
สำหรับโครงการดังกล่าวเพื่อให้ทุกหน่วยช่วยกันขับเคลื่อนพัฒนาการศึกษาในโรงเรียนโครงการประชารัฐ ตามแนวทางยุทธศาสตร์ 10 ด้าน โดยในระยะแรกได้จัดส่งบุคคลากรที่เป็นคนรุ่นใหม่กว่า 1,000คน ลงพื้นที่ปฏิบัติ และร่วมวางแผนบริหารจัดการร่วมกับผู้บริหารโรงเรียนกว่า 3,300 แห่งทั่วประเทศ และจะขยายให้ครบทั้ง 7,424 โรงเรียนในทุกตำบลทั่วประเทศภายใน 3 ปี โดยมีเป้าหมายยกระดับมาตรฐานและคุณภาพการศึกษาของประเทศไทย ที่เป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะหัวหน้าทีมภาครัฐ ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนาม เพื่อเป็นพลังในการช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างมีระบบ และเพื่อยกระดับมาตรฐาน คุณภาพการศึกษาของประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรม
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวปาฐกถาพิเศษ ว่า ยินดีที่ได้ร่วมเป็นสักขีพยานลงนามในวันนี้ และเมื่อเห็นรอยยิ้มของทุกคนทำให้มีกำลังใจทำงานมากขึ้น วันนี้ถือเป็นวันที่ดีที่สุดของประเทศไทยอีกวันหนึ่ง ที่จะได้เตรียมรับมือกับความไม่ดีในอนาคตทั้งภัยพิบัติและภัยจากคนไทยด้วยกันเอง ทั้งนี้ เยาวชนถือเป็นอนาคตของชาติ การให้การศึกษาไม่ใช่เพียงแต่ให้คุณวุฒิ แต่เป็นการทำให้คนมีคุณธรรมและจริยธรรม เพื่อรับมือกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ย้ำด้วยว่า ทุกปัญหาแก้ไขได้ด้วยการศึกษา ซึ่งที่ผ่านมาประเทศไทยค่อนข้างมีปัญหาในการพัฒนาการศึกษา แต่จากนี้ต่อไปรัฐบาลจะเร่งพัฒนา โดยอาศัยความร่วมมือกับภาคเอกชน พร้อมวางรากฐานให้กับรัฐบาลชุดต่อไปสานต่อ เพื่อให้เกิดผลอย่างยั่งยืน เราต้องปูพื้นการศึกษาและวางแผนให้ประเทศชาติ ให้คนมีการศึกษา คุณธรรม จริยธรรม และมีความเอื้ออาทรต่อกัน และหวังว่าโครงการ CONNEXT ED จะประสบความสำเร็จ รวมทั้งหวังว่าทุกโครงการที่ภาครัฐกับภาคเอกชนลงนามร่วมกันนี้ จะเดินหน้าโครงการอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
สำหรับโครงการดังกล่าวเพื่อให้ทุกหน่วยช่วยกันขับเคลื่อนพัฒนาการศึกษาในโรงเรียนโครงการประชารัฐ ตามแนวทางยุทธศาสตร์ 10 ด้าน โดยในระยะแรกได้จัดส่งบุคคลากรที่เป็นคนรุ่นใหม่กว่า 1,000คน ลงพื้นที่ปฏิบัติ และร่วมวางแผนบริหารจัดการร่วมกับผู้บริหารโรงเรียนกว่า 3,300 แห่งทั่วประเทศ และจะขยายให้ครบทั้ง 7,424 โรงเรียนในทุกตำบลทั่วประเทศภายใน 3 ปี โดยมีเป้าหมายยกระดับมาตรฐานและคุณภาพการศึกษาของประเทศไทย ที่เป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะหัวหน้าทีมภาครัฐ ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนาม เพื่อเป็นพลังในการช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างมีระบบ และเพื่อยกระดับมาตรฐาน คุณภาพการศึกษาของประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรม
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวปาฐกถาพิเศษ ว่า ยินดีที่ได้ร่วมเป็นสักขีพยานลงนามในวันนี้ และเมื่อเห็นรอยยิ้มของทุกคนทำให้มีกำลังใจทำงานมากขึ้น วันนี้ถือเป็นวันที่ดีที่สุดของประเทศไทยอีกวันหนึ่ง ที่จะได้เตรียมรับมือกับความไม่ดีในอนาคตทั้งภัยพิบัติและภัยจากคนไทยด้วยกันเอง ทั้งนี้ เยาวชนถือเป็นอนาคตของชาติ การให้การศึกษาไม่ใช่เพียงแต่ให้คุณวุฒิ แต่เป็นการทำให้คนมีคุณธรรมและจริยธรรม เพื่อรับมือกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ย้ำด้วยว่า ทุกปัญหาแก้ไขได้ด้วยการศึกษา ซึ่งที่ผ่านมาประเทศไทยค่อนข้างมีปัญหาในการพัฒนาการศึกษา แต่จากนี้ต่อไปรัฐบาลจะเร่งพัฒนา โดยอาศัยความร่วมมือกับภาคเอกชน พร้อมวางรากฐานให้กับรัฐบาลชุดต่อไปสานต่อ เพื่อให้เกิดผลอย่างยั่งยืน เราต้องปูพื้นการศึกษาและวางแผนให้ประเทศชาติ ให้คนมีการศึกษา คุณธรรม จริยธรรม และมีความเอื้ออาทรต่อกัน และหวังว่าโครงการ CONNEXT ED จะประสบความสำเร็จ รวมทั้งหวังว่าทุกโครงการที่ภาครัฐกับภาคเอกชนลงนามร่วมกันนี้ จะเดินหน้าโครงการอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป