ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (15 มิ.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.25-0.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ พร้อมกับปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐในปีนี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของราคาน้ำมัน และความวิตกกังวลที่ว่า ชาวอังกฤษอาจจะลงประชามติสนับสนุนการแยกตัวออกจากสภาพยุโรป (Brexit) ในวันที่ 23 มิ.ย.นี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,640.17 จุด ลดลง 34.65 จุด หรือ -0.20% ดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 4,834.93 จุด ลดลง 8.62 จุด หรือ -0.18% ดัชนีเอสแอนด์พี500 ปิดที่ 2,071.50 จุด ลดลง 3.82 จุด หรือ -0.18%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงหลังจากคณะกรรมการ FOMC มีมติเป็นเอกฉันท์ในการประชุมเมื่อวานนี้ ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ในช่วง 0.25-0.50% ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ ขณะเดียวกันเฟดไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนถึงกำหนดเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในปีนี้ หลังจากปรับขึ้นครั้งแรกในรอบเกือบ 10 ปีเมื่อเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว
ตลาดได้รับแรงกดดันหลังจากเฟดแสดงมุมมองที่เป็นลบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ โดยเฟดระบุว่า การจ้างงานและการลงทุนในภาคเอกชนชะลอตัวลง นอกจากนี้ เฟดยังได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้ สู่ระดับ 2.0% จากระดับ 2.2% ที่คาดการณ์ในเดือนมี.ค.
นักวิเคราะห์จาก TIAA Global Asset Management กล่าวว่า "เฟดยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ คาดว่าเฟดจะเลื่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปอีก ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณด้านลบต่อตลาด เนื่องจากอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงนั้น ย่อมหมายความว่าผลประกอบการของบริษัทเอกชนและตลาดหุ้นมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลงด้วย"
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้แรงหนุนจากราคาน้ำมัน WTI ที่ปรับตัวลงติดต่อกัน 4 วันทำการเมื่อคืนนี้ รวมทั้งความวิตกกังวลที่ว่า ชาวอังกฤษอาจจะลงประชามติสนับสนุนการแยกตัวออกจากสภาพยุโรปในวันที่ 23 มิ.ย.นี้
รายงานระบุว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) กำลังประสานงานอย่างใกล้ชิดกับธนาคารกลางในยุโรป เพื่อรับมือกับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น หากสหราชอาณาจักร ซึ่งประกอบด้วย อังกฤษ, สก็อตแลนด์, เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ ตัดสินใจถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปในการลงประชามติวันที่ 23 มิ.ย.
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่กังวลว่า หากสหราชอาณาจักรตัดสินใจแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (EU) ก็จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อค่าเงินปอนด์ซึ่งจะทำให้ทรุดตัวลง และจะกระทบอย่างหนักต่อตลาดการเงิน และตลาดหุ้นทั่วโลก เนื่องจากจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ต่อยุโรปที่ต้องสูญเสียสหราชอาณาจักรที่มีมูลค่าเศรษฐกิจสูงเกือบ 3 ล้านล้านดอลลาร์
หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ร่วงลง 1.1% หลังจากนักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นซิสโก ซิสเต็มส์
หุ้นโฮล ฟู๊ดส์ มาร์เก็ต ดิ่งลง 5% หลังจากคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐสั่งให้มีการตรวจสอบโรงงานของบริษัทในรัฐแมสซาชูเซตส์
หุ้นอินเทลร่วงลง 1.6% ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่ฉุดดัชนี S&P 500 ปิดในแดนลบเมื่อคืนนี้ด้วย
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในวันนี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ค., ดัชนีภาคการผลิตเดือนมิ.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย และดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนมิ.ย.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB)
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,640.17 จุด ลดลง 34.65 จุด หรือ -0.20% ดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 4,834.93 จุด ลดลง 8.62 จุด หรือ -0.18% ดัชนีเอสแอนด์พี500 ปิดที่ 2,071.50 จุด ลดลง 3.82 จุด หรือ -0.18%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงหลังจากคณะกรรมการ FOMC มีมติเป็นเอกฉันท์ในการประชุมเมื่อวานนี้ ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ในช่วง 0.25-0.50% ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ ขณะเดียวกันเฟดไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนถึงกำหนดเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในปีนี้ หลังจากปรับขึ้นครั้งแรกในรอบเกือบ 10 ปีเมื่อเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว
ตลาดได้รับแรงกดดันหลังจากเฟดแสดงมุมมองที่เป็นลบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ โดยเฟดระบุว่า การจ้างงานและการลงทุนในภาคเอกชนชะลอตัวลง นอกจากนี้ เฟดยังได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้ สู่ระดับ 2.0% จากระดับ 2.2% ที่คาดการณ์ในเดือนมี.ค.
นักวิเคราะห์จาก TIAA Global Asset Management กล่าวว่า "เฟดยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ คาดว่าเฟดจะเลื่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปอีก ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณด้านลบต่อตลาด เนื่องจากอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงนั้น ย่อมหมายความว่าผลประกอบการของบริษัทเอกชนและตลาดหุ้นมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลงด้วย"
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้แรงหนุนจากราคาน้ำมัน WTI ที่ปรับตัวลงติดต่อกัน 4 วันทำการเมื่อคืนนี้ รวมทั้งความวิตกกังวลที่ว่า ชาวอังกฤษอาจจะลงประชามติสนับสนุนการแยกตัวออกจากสภาพยุโรปในวันที่ 23 มิ.ย.นี้
รายงานระบุว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) กำลังประสานงานอย่างใกล้ชิดกับธนาคารกลางในยุโรป เพื่อรับมือกับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น หากสหราชอาณาจักร ซึ่งประกอบด้วย อังกฤษ, สก็อตแลนด์, เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ ตัดสินใจถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปในการลงประชามติวันที่ 23 มิ.ย.
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่กังวลว่า หากสหราชอาณาจักรตัดสินใจแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (EU) ก็จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อค่าเงินปอนด์ซึ่งจะทำให้ทรุดตัวลง และจะกระทบอย่างหนักต่อตลาดการเงิน และตลาดหุ้นทั่วโลก เนื่องจากจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ต่อยุโรปที่ต้องสูญเสียสหราชอาณาจักรที่มีมูลค่าเศรษฐกิจสูงเกือบ 3 ล้านล้านดอลลาร์
หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ร่วงลง 1.1% หลังจากนักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นซิสโก ซิสเต็มส์
หุ้นโฮล ฟู๊ดส์ มาร์เก็ต ดิ่งลง 5% หลังจากคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐสั่งให้มีการตรวจสอบโรงงานของบริษัทในรัฐแมสซาชูเซตส์
หุ้นอินเทลร่วงลง 1.6% ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่ฉุดดัชนี S&P 500 ปิดในแดนลบเมื่อคืนนี้ด้วย
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในวันนี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ค., ดัชนีภาคการผลิตเดือนมิ.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย และดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนมิ.ย.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB)