สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดเหตุกราดยิงบาร์เกย์ในสหรัฐ โดยมือปืนที่ประกาศสวามิภักดิ์ต่อกลุ่มรัฐอิสลาม หรือไอเอส กราดยิงผู้คนในบาร์เกย์ เมืองออร์แลนโด รัฐฟลอริดา ของสหรัฐ มีผู้เสียชีวิต 50 คน บาดเจ็บ 53 คน เป็นเหตุสังหารหมู่ที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ 9/11 เมื่อปี 2011
ความคืบหน้าเหตุคนร้ายกราดยิงผู้คนภายในไนท์คลับพัลส์ ไนท์คลับของกลุ่มคนรักร่วมเพศในเมืองออร์แลนโด รัฐฟลอริดา เมื่อกลางดึกคืนวันเสาร์ ตามเวลาท้องถิ่น เผยมีผู้เสียชีวิตจากอย่างน้อย 50 คน และบาดเจ็บอีก 53 คน ถือเป็นเหตุกราดยิงที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ แซงหน้าเหตุกราดยิงที่มหาวิทยาลัยเวอร์จิเนียเทค เมื่อปี 2550 ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 32 คน
ผู้อยู่ในเหตุการณ์บอกว่า ขณะเกิดเหตุมีคนอยู่ในงานเลี้ยงในไนท์คลับราว 320 คน มือปืนบุกเข้าไปและใข้อาวุธปืนไรเฟิลยิงขึ้นบนเพดาน ก่อนกราดยิงใส่ผู้คนท่ามกลางเสียงหวีดร้อง บางส่วนสามารถหนีออกมาด้านนอกได้ แต่ผู้คนอีกนับร้อยติดอยู่ด้านใน และถูกสั่งให้หมอบลงกับพื้น หลายคนบอกว่าได้ยินเสียงปืน 40 - 50 นัด
หลังได้รับแจ้งเหตุ ตำรวจได้รุดไปยังที่เกิดเหตุพร้อมประกาศเตือนให้ผู้คนอยู่ห่างจากบริเวณโดยรอบที่เกิดเหตุ พร้อมปฏิบัติการบุกเข้าไปช่วยเหลือตัวประกัน ที่เชื่อว่ามือปืนคุมตัวอยู่ภายในไนท์คลับ จนเกิดการยิงต่อสู้กัน ส่งผลให้มือปืนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วนตำรวจถูกยิง 1 นาย แต่อาการไม่สาหัส ขณะที่สามารถช่วยเหลือผู้คนอย่างน้อย 30 คน ออกจากไนต์คลับได้ในเวลาต่อมา ส่วนมือปืนถูกตำรวจวิสามัญในที่เกิดเหตุ หลังมีการยิงปะทะกันภายในไนท์คลับระหว่างที่เจ้าหน้าที่พยายามช่วยตัวประกัน ขณะที่สื่อสหรัฐรายงานว่า มือปืนติดเข็มขัดระเบิดไว้และอุปกรณ์ที่น่าสงสัยบางอย่างตามร่างกายด้วย
สำหรับผู้ก่อเหตุคือ นายโอมาร์ ซาดิกกี มาทีน ชาวอเมริกันเชื้อสายอัฟกัน วัย 29 ปี ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในเมืองพอร์ต เซนต์ลูซี รัฐฟลอริดา เขาแต่งงานแล้ว มีลูกชายวัย 3 ปี 1 คน
นายกเทศมนตรีเมืองออร์แลนโด บอกว่า จากการตรวจสอบไม่พบประวัติอาชญากรรม แต่พบว่าเขาได้ติดต่อหมายเลขฉุกเฉิน 911 ก่อนที่จะก่อเหตุไม่นาน โดยบอกว่าตนเองได้ประกาศตัวสวามิภักดิ์ต่อกลุ่มรัฐอิสลาม หรือไอเอส สอดคล้องกับที่กลุ่มไอเอสอ้างในเวลาต่อมาว่า นายมาทีนเป็นนักรบของพวกตน
จากการตรวจค้นรถยนต์ของเขาที่เช่ามาเพื่อก่อเหตุ ยังพบอาวุธปืน เครื่องกระสุน และอุปกรณ์ทำระเบิดจำนวนมาก ขณะนี้ได้มีการประกาศภาวะฉุกเฉินเมืองออร์แลนโดแล้ว และร้องขอประชาชนให้ช่วยบริจาคเลือดตามโรงพยาบาลต่างๆ เนื่องจากผู้ได้รับบาดเจ็บหลายคนอาการสาหัสมาก และจำนวนผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มขึ้น
ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ ระบุว่า เหตุกราดยิงไนท์คลับที่เมืองออร์แลนโด มลรัฐฟลอริดา ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 50 คนนั้น เป็นการกระทำของผู้ก่อการร้าย และเป็นการกระทำที่แสดงถึงความเกลียดชัง
"แม้ว่าเรื่องนี้ยังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบถึงแรงจูงใจของผู้ก่อเหตุ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า นี่เป็นการกระทำของผู้ก่อการร้าย และเป็นการกระทำที่แสดงถึงความเกลียดชัง" โอบามากล่าวที่ทำเนียบขาว
ด้านบิดาของนายมาทีน ให้สัมภาษณ์สื่อสหรัฐ แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเชื่อว่าที่ลูกชายทำลงไปไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับประเด็นศาสนา หรือการก่อการร้าย แต่ลูกชายเคยบอกว่าไม่พอใจหลังเห็นเกย์จูบกันต่อหน้าภรรยา และลูกชายวัย 3 ขวบ ที่เมืองไมอามี เมื่อไม่นานมานี้
เหตุกราดยิงครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 ที่เมืองออร์แลนโด ในช่วงเวลาเพียง 24 ชั่วโมง นับจากเกิดเหตุยิง คริสตินา กริมมี นักร้องสาวจากเวทีเดอะวอยซ์เสียชีวิตเมื่อคืนวันศุกร์ ก่อนที่มือปืนซึ่งคาดว่าเป็นแฟนเพลงที่มีปัญหาทางจิต และเดินทางจากต่างเมืองมาเพื่อก่อเหตุสังหารกริมมีโดยเฉพาะ จะยิงตัวตายในเวลาต่อมา
ความคืบหน้าเหตุคนร้ายกราดยิงผู้คนภายในไนท์คลับพัลส์ ไนท์คลับของกลุ่มคนรักร่วมเพศในเมืองออร์แลนโด รัฐฟลอริดา เมื่อกลางดึกคืนวันเสาร์ ตามเวลาท้องถิ่น เผยมีผู้เสียชีวิตจากอย่างน้อย 50 คน และบาดเจ็บอีก 53 คน ถือเป็นเหตุกราดยิงที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ แซงหน้าเหตุกราดยิงที่มหาวิทยาลัยเวอร์จิเนียเทค เมื่อปี 2550 ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 32 คน
ผู้อยู่ในเหตุการณ์บอกว่า ขณะเกิดเหตุมีคนอยู่ในงานเลี้ยงในไนท์คลับราว 320 คน มือปืนบุกเข้าไปและใข้อาวุธปืนไรเฟิลยิงขึ้นบนเพดาน ก่อนกราดยิงใส่ผู้คนท่ามกลางเสียงหวีดร้อง บางส่วนสามารถหนีออกมาด้านนอกได้ แต่ผู้คนอีกนับร้อยติดอยู่ด้านใน และถูกสั่งให้หมอบลงกับพื้น หลายคนบอกว่าได้ยินเสียงปืน 40 - 50 นัด
หลังได้รับแจ้งเหตุ ตำรวจได้รุดไปยังที่เกิดเหตุพร้อมประกาศเตือนให้ผู้คนอยู่ห่างจากบริเวณโดยรอบที่เกิดเหตุ พร้อมปฏิบัติการบุกเข้าไปช่วยเหลือตัวประกัน ที่เชื่อว่ามือปืนคุมตัวอยู่ภายในไนท์คลับ จนเกิดการยิงต่อสู้กัน ส่งผลให้มือปืนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วนตำรวจถูกยิง 1 นาย แต่อาการไม่สาหัส ขณะที่สามารถช่วยเหลือผู้คนอย่างน้อย 30 คน ออกจากไนต์คลับได้ในเวลาต่อมา ส่วนมือปืนถูกตำรวจวิสามัญในที่เกิดเหตุ หลังมีการยิงปะทะกันภายในไนท์คลับระหว่างที่เจ้าหน้าที่พยายามช่วยตัวประกัน ขณะที่สื่อสหรัฐรายงานว่า มือปืนติดเข็มขัดระเบิดไว้และอุปกรณ์ที่น่าสงสัยบางอย่างตามร่างกายด้วย
สำหรับผู้ก่อเหตุคือ นายโอมาร์ ซาดิกกี มาทีน ชาวอเมริกันเชื้อสายอัฟกัน วัย 29 ปี ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในเมืองพอร์ต เซนต์ลูซี รัฐฟลอริดา เขาแต่งงานแล้ว มีลูกชายวัย 3 ปี 1 คน
นายกเทศมนตรีเมืองออร์แลนโด บอกว่า จากการตรวจสอบไม่พบประวัติอาชญากรรม แต่พบว่าเขาได้ติดต่อหมายเลขฉุกเฉิน 911 ก่อนที่จะก่อเหตุไม่นาน โดยบอกว่าตนเองได้ประกาศตัวสวามิภักดิ์ต่อกลุ่มรัฐอิสลาม หรือไอเอส สอดคล้องกับที่กลุ่มไอเอสอ้างในเวลาต่อมาว่า นายมาทีนเป็นนักรบของพวกตน
จากการตรวจค้นรถยนต์ของเขาที่เช่ามาเพื่อก่อเหตุ ยังพบอาวุธปืน เครื่องกระสุน และอุปกรณ์ทำระเบิดจำนวนมาก ขณะนี้ได้มีการประกาศภาวะฉุกเฉินเมืองออร์แลนโดแล้ว และร้องขอประชาชนให้ช่วยบริจาคเลือดตามโรงพยาบาลต่างๆ เนื่องจากผู้ได้รับบาดเจ็บหลายคนอาการสาหัสมาก และจำนวนผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มขึ้น
ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ ระบุว่า เหตุกราดยิงไนท์คลับที่เมืองออร์แลนโด มลรัฐฟลอริดา ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 50 คนนั้น เป็นการกระทำของผู้ก่อการร้าย และเป็นการกระทำที่แสดงถึงความเกลียดชัง
"แม้ว่าเรื่องนี้ยังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบถึงแรงจูงใจของผู้ก่อเหตุ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า นี่เป็นการกระทำของผู้ก่อการร้าย และเป็นการกระทำที่แสดงถึงความเกลียดชัง" โอบามากล่าวที่ทำเนียบขาว
ด้านบิดาของนายมาทีน ให้สัมภาษณ์สื่อสหรัฐ แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเชื่อว่าที่ลูกชายทำลงไปไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับประเด็นศาสนา หรือการก่อการร้าย แต่ลูกชายเคยบอกว่าไม่พอใจหลังเห็นเกย์จูบกันต่อหน้าภรรยา และลูกชายวัย 3 ขวบ ที่เมืองไมอามี เมื่อไม่นานมานี้
เหตุกราดยิงครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 ที่เมืองออร์แลนโด ในช่วงเวลาเพียง 24 ชั่วโมง นับจากเกิดเหตุยิง คริสตินา กริมมี นักร้องสาวจากเวทีเดอะวอยซ์เสียชีวิตเมื่อคืนวันศุกร์ ก่อนที่มือปืนซึ่งคาดว่าเป็นแฟนเพลงที่มีปัญหาทางจิต และเดินทางจากต่างเมืองมาเพื่อก่อเหตุสังหารกริมมีโดยเฉพาะ จะยิงตัวตายในเวลาต่อมา