นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานกฎหมายพรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ผ่านเจ้าหน้าที่ศูนย์บริการประชาชน เพื่อขอให้นายกรัฐมนตรีทบทวนการให้สิทธิพิเศษองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) ในการรับจ้างพัฒนาหรือก่อสร้างปรับปรุงแหล่งน้ำ งานขุดลอกคูคลอง ลำรางสาธารณะ งานสร้างฝายกั้นน้ำ และงานลอกท่อระบายน้ำ เพื่อตรวจสอบโครงการที่ อผศ.เป็นคู่สัญญาให้จบภายในรัฐบาลนี้
นายเรืองไกร กล่าวว่า อยากให้กระทรวงการคลัง โดยคณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษ ทบทวนระงับสิทธิการดำเนินงานของ อผศ. เนื่องจากมีการตรวจพบว่า อผศ.มีการจ้างช่วงให้เอกชนดำเนินงาน ซึ่งขัดต่อเงื่อนไขสัญญา ซึ่งจากการตรวจสอบผ่านทางเว็บไซต์ของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) พบว่าหลายโครงการที่หน่วยงานรัฐเป็นผู้ว่าจ้าง มีการใช้งบประมาณที่เป็นทั้งงบลงทุน งบเงินกู้ ซึ่งบางโครงการยังสร้างไม่เสร็จตามสัญญาที่มีการระบุเอาไว้ อาทิ งานที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยว่าจ้างจำนวน 657 โครงการ มูลค่ากว่า 1,800 ล้านบาท กรมชลประทาน 180 โครงการกว่า 1,200 ล้านบาท สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย 5 โครงการ มูลค่ากว่า 4 ล้านบาท กรุงเทพมหานคร 3 โครงการ มูลค่ากว่า 14 ล้านบาท เป็นต้น แต่จากการตรวจสอบภายในของสำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยังระบุว่า หากปล่อยให้ อผศ.ดำเนินการโครงการต่างๆ ต่อไป โดยที่ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข หลังจากที่ได้รับสิทธิพิเศษไปแล้ว อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่งานราชการ รวมถึงอาจเปิดช่องให้มีการเรียกค่าหัวคิวนำไปสู่การทุจริต ฉ้อราษฎร์บังหลวงเกิดขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม นายเรืองไกร ยืนยันว่า การดำเนินงานของ อผศ.ไม่ใช่เกิดจากรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เนื่องจากยังไม่มีการเสนอเรื่องเข้าคณะรัฐมนตรี แต่เมื่อ คสช. เข้ามาบริหารงาน ได้มีมติรับทราบผลการประชุมของคณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษของหน่วยงานรัฐ ที่ให้ อผศ.ได้รับสิทธิพิเศษ เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2557 จึงขอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาในเรื่องดังกล่าว เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างโปร่งใส
นายเรืองไกร กล่าวว่า อยากให้กระทรวงการคลัง โดยคณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษ ทบทวนระงับสิทธิการดำเนินงานของ อผศ. เนื่องจากมีการตรวจพบว่า อผศ.มีการจ้างช่วงให้เอกชนดำเนินงาน ซึ่งขัดต่อเงื่อนไขสัญญา ซึ่งจากการตรวจสอบผ่านทางเว็บไซต์ของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) พบว่าหลายโครงการที่หน่วยงานรัฐเป็นผู้ว่าจ้าง มีการใช้งบประมาณที่เป็นทั้งงบลงทุน งบเงินกู้ ซึ่งบางโครงการยังสร้างไม่เสร็จตามสัญญาที่มีการระบุเอาไว้ อาทิ งานที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยว่าจ้างจำนวน 657 โครงการ มูลค่ากว่า 1,800 ล้านบาท กรมชลประทาน 180 โครงการกว่า 1,200 ล้านบาท สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย 5 โครงการ มูลค่ากว่า 4 ล้านบาท กรุงเทพมหานคร 3 โครงการ มูลค่ากว่า 14 ล้านบาท เป็นต้น แต่จากการตรวจสอบภายในของสำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยังระบุว่า หากปล่อยให้ อผศ.ดำเนินการโครงการต่างๆ ต่อไป โดยที่ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข หลังจากที่ได้รับสิทธิพิเศษไปแล้ว อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่งานราชการ รวมถึงอาจเปิดช่องให้มีการเรียกค่าหัวคิวนำไปสู่การทุจริต ฉ้อราษฎร์บังหลวงเกิดขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม นายเรืองไกร ยืนยันว่า การดำเนินงานของ อผศ.ไม่ใช่เกิดจากรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เนื่องจากยังไม่มีการเสนอเรื่องเข้าคณะรัฐมนตรี แต่เมื่อ คสช. เข้ามาบริหารงาน ได้มีมติรับทราบผลการประชุมของคณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษของหน่วยงานรัฐ ที่ให้ อผศ.ได้รับสิทธิพิเศษ เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2557 จึงขอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาในเรื่องดังกล่าว เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างโปร่งใส
