คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดพิธีสงฆ์เพื่อรำลึกถึง ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรี และอาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะปูชนียบุคคลของบ้านเมือง และจัดปาฐกถาพิเศษ “วิสัยทัศน์ มุมมองต่อ ศาสตราจารย์ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช” โดยนายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี ที่จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 พร้อมเปิดตัวหนังสือ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ นิติกรรมและหนี้ ของ ม.ร.ว.เสนีย์ ด้วย โดยมีนายณรงค์ ใจหาญ คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษา พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมงานด้วย
นายชวน กล่าวปาฐกถาพิเศษตอนหนึ่งว่า วิสัยทัศน์ของ ม.ร.ว.เสนีย์ ในฐานะที่เป็นทั้งอดีตนายกรัฐมนตรี อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอาจารย์ด้านกฎหมายนั้น เริ่มจากการมีความรู้ความสามารถและคุณธรรมที่เต็มเปี่ยม เหตุการณ์ในอดีตที่ผ่านมาสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ม.ร.ว.เสนีย์ ได้จัดตั้งกระบวนการเสรีไทยขึ้นจากอาสาสมัครจากคนไทยในสหรัฐฯ ซึ่งภายหลังเป็นผลดีต่อประเทศไทยในเวลาต่อมา ทำให้สหรัฐฯ ไม่ประกาศสงครามตอบโต้ประเทศไทย โดยไทยไม่ต้องพ่ายแพ้สงครามร่วมกับญี่ปุ่น ผ่อนปรนภาระการชดใช้ความเสียหายหลังสงคราม จึงถือเป็นคุณูปการแก่ประเทศชาติอย่างยิ่งในขณะนั้น และถือเป็นบุคคลที่ยืนหยัดอยู่บนความซื่อสัตย์ สุจริต และเที่ยงธรรม ไม่ตักตวงผลประโยชน์ใดๆ เพื่อตนเอง ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะผู้พิพากษา อาจารย์สอนกฎหมาย เป็นทูต เป็นนักการเมือง เป็นฝ่ายค้าน เป็นรัฐบาล สามารถทำสิ่งดีงาม ชอบธรรมให้แก่บ้านเมืองได้ทุกหน้าที่ โดยดำรงความถูกต้องได้ทุกสถานภาพ
นายชวน กล่าวปาฐกถาพิเศษตอนหนึ่งว่า วิสัยทัศน์ของ ม.ร.ว.เสนีย์ ในฐานะที่เป็นทั้งอดีตนายกรัฐมนตรี อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอาจารย์ด้านกฎหมายนั้น เริ่มจากการมีความรู้ความสามารถและคุณธรรมที่เต็มเปี่ยม เหตุการณ์ในอดีตที่ผ่านมาสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ม.ร.ว.เสนีย์ ได้จัดตั้งกระบวนการเสรีไทยขึ้นจากอาสาสมัครจากคนไทยในสหรัฐฯ ซึ่งภายหลังเป็นผลดีต่อประเทศไทยในเวลาต่อมา ทำให้สหรัฐฯ ไม่ประกาศสงครามตอบโต้ประเทศไทย โดยไทยไม่ต้องพ่ายแพ้สงครามร่วมกับญี่ปุ่น ผ่อนปรนภาระการชดใช้ความเสียหายหลังสงคราม จึงถือเป็นคุณูปการแก่ประเทศชาติอย่างยิ่งในขณะนั้น และถือเป็นบุคคลที่ยืนหยัดอยู่บนความซื่อสัตย์ สุจริต และเที่ยงธรรม ไม่ตักตวงผลประโยชน์ใดๆ เพื่อตนเอง ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะผู้พิพากษา อาจารย์สอนกฎหมาย เป็นทูต เป็นนักการเมือง เป็นฝ่ายค้าน เป็นรัฐบาล สามารถทำสิ่งดีงาม ชอบธรรมให้แก่บ้านเมืองได้ทุกหน้าที่ โดยดำรงความถูกต้องได้ทุกสถานภาพ