หลังจากที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ (กสท.) ประชุมด่วนทางโทรศัพท์โดยให้ทุกสถานีโทรทัศน์ที่ออกอากาศรายการสดระมัดระวังการนำเสนอ และเบลอภาพที่กระทบกับความสงบของสังคม กรณีการถ่ายทอดสดเหตุการณ์เจ้าหน้าที่เจรจาให้ ดร.วันชัย ดนัยตโมนุท เมื่อวันที่ 19 พ.ค.2559
ล่าสุด น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผย ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ในวันจันทร์ อนุกรรมการกำกับผังรายการและเนื้อหารายการ จะเรียกสถานีโทรทัศน์ที่ถ่ายทอดสดเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าเจรจากับ ดร.วันชัย ดนัยตโมนุท อายุ 60 ปี อาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร ผู้ต้องหาคดีฆ่าอาจารย์ร่วมสถาบันเสียชีวิต 2 ศพ ก่อนที่เจ้าตัวจะใช้อาวุธปืนยิงตัวเองจนเสียชีวิต เบื้องต้น 4 สถานี ได้แก่ สถานีโทรทัศน์ไทยรัฐทีวี สถานีโทรทัศน์เนชั่นทีวี สถานีโทรทัศน์ทีเอ็นเอ็น 24 และสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ ชี้แจงถึงการถ่ายทอดสดเหตุการณ์ดังกล่าว นอกจากนี้ยังรวมถึงสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมทีนิวส์ด้วย เพราะถ่ายทอดสดแบบสุ่มเสี่ยงเช่นกัน ที่สำคัญเคยมีประวัติโดนลงโทษมาแล้วในกรณีอื่น
ก่อนหน้านี้ กสทช.ระบุว่า การถ่ายทอดภาพความรุนแรงเข้าข่ายขัดกฎหมาย ความสงบเรียบร้อยในสังคมตาม ม.37 และกฎเรื่องผังรายการของ พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์พ.ศ.2551 และเข้าข่ายขัดกฎหมายการประกอบกิจการโทรทัศน์ สถานีต้องรับผิดชอบผลทางกฎหมายตามกระบวนการต่อไป เนื่องจากกรณีดังกล่าวไม่ใช่แค่เรื่องจรรยาบรรณ แต่เข้าข่ายขัดกฎหมาย
ล่าสุด น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผย ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ในวันจันทร์ อนุกรรมการกำกับผังรายการและเนื้อหารายการ จะเรียกสถานีโทรทัศน์ที่ถ่ายทอดสดเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าเจรจากับ ดร.วันชัย ดนัยตโมนุท อายุ 60 ปี อาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร ผู้ต้องหาคดีฆ่าอาจารย์ร่วมสถาบันเสียชีวิต 2 ศพ ก่อนที่เจ้าตัวจะใช้อาวุธปืนยิงตัวเองจนเสียชีวิต เบื้องต้น 4 สถานี ได้แก่ สถานีโทรทัศน์ไทยรัฐทีวี สถานีโทรทัศน์เนชั่นทีวี สถานีโทรทัศน์ทีเอ็นเอ็น 24 และสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ ชี้แจงถึงการถ่ายทอดสดเหตุการณ์ดังกล่าว นอกจากนี้ยังรวมถึงสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมทีนิวส์ด้วย เพราะถ่ายทอดสดแบบสุ่มเสี่ยงเช่นกัน ที่สำคัญเคยมีประวัติโดนลงโทษมาแล้วในกรณีอื่น
ก่อนหน้านี้ กสทช.ระบุว่า การถ่ายทอดภาพความรุนแรงเข้าข่ายขัดกฎหมาย ความสงบเรียบร้อยในสังคมตาม ม.37 และกฎเรื่องผังรายการของ พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์พ.ศ.2551 และเข้าข่ายขัดกฎหมายการประกอบกิจการโทรทัศน์ สถานีต้องรับผิดชอบผลทางกฎหมายตามกระบวนการต่อไป เนื่องจากกรณีดังกล่าวไม่ใช่แค่เรื่องจรรยาบรรณ แต่เข้าข่ายขัดกฎหมาย