นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยถึง การใช้สื่อสังคมออนไลน์ในปัจจุบันที่ประชาชนมีการใช้กันอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชันไลน์ เฟซบุ๊ก หรือสื่อสังคมออนไลน์อื่นๆ ทำให้เข้าถึงเนื้อหาบนโลกออนไลน์ สามารถโพสต์ข้อมูล แชร์ กดไลค์ และแสดงความคิดเห็นต่อข้อมูลต่างๆ ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ซึ่งบางครั้งอาจส่งผลกระทบต่อสังคมและสร้างความสับสนในวงกว้าง หากไม่มีการคัดกรองข้อมูลข่าวสาร หรือตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลก่อนส่งต่อไปยังผู้อื่น เช่น กรณีการแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับพาสปอร์ตรถยนต์ โดยอ้างว่าสามารถใช้ได้ใน 7 ประเทศอาเซียน ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว พาสปอร์ตรถยนต์ (เล่มสีม่วง) เป็นความตกลงร่วมกันเฉพาะไทย-ลาว เพื่ออำนวยความสะดวกในการสัญจรข้ามพรมแดนระหว่างกันเท่านั้น ในส่วนของการเดินทางเข้าไปยังประเทศอื่นนอกเหนือจากประเทศลาว จะเป็นไปตามเงื่อนไขและข้อกำหนดของแต่ละประเทศ หรือการแชร์ข้อมูลอันเป็นเท็จเกี่ยวกับใบอนุญาตขับรถ เช่น อ้างว่ากรมการขนส่งทางบกจะยกเลิกใบอนุญาตขับรถตลอดชีพแบบกระดาษ ซึ่งไม่เป็นความจริง เนื่องจากกรมการขนส่งทางบกไม่มีมาตรการบังคับให้เปลี่ยน หรือยกเลิกใบอนุญาตขับรถรูปแบบเดิมแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ยังพบการกระทำของกลุ่มมิจฉาชีพแสวงหาผลประโยชน์รับดำเนินการทางทะเบียนและแอบอ้างว่าสามารถออกใบอนุญาตขับรถได้โดยไม่ต้องทดสอบ โดยใช้สื่อสังคมออนไลน์เป็นช่องทาง ซึ่งข้อเท็จจริงปรากฏว่าผู้ที่หลงเชื่อต้องสูญเสียเงินเป็นจำนวนมาก และได้รับเอกสารปลอม ซึ่งหากนำเอกสารหรือใบอนุญาตขับรถปลอมมาแสดงเป็นหลักฐานกับทางราชการ จะมีความผิดตามกฎหมายอาญา ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กรมการขนส่งทางบกจึงขอแจ้งเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อ กลุ่มมิจฉาชีพที่รับอาสาดำเนินการแทนหรือรับปลอมแปลงเอกสารราชการโดยเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นการเชิญชวนผ่านช่องทางใดก็ตาม และเพื่อป้องกันประชาชนตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพดังกล่าว กรมการขนส่งทางบกได้จัดเจ้าหน้าที่เข้มงวดตรวจตรากลุ่มมิจฉาชีพ รวมถึงกลุ่มหน้าม้าที่รับอาสาดำเนินการแทนในด้านต่างๆ ภายในและบริเวณโดยรอบสำนักงาน และหากตรวจสอบพบเจ้าหน้าที่ของกรมการขนส่งทางบกมีเจตนาร่วมกระทำผิดจะดำเนินการทางวินัยทันที
ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางบก ขอให้ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ที่เผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จ ยุติ การสร้างความสับสนแก่ประชาชน และขอให้ประชาชนอย่าเชื่อข้อมูลที่มาจากการแชร์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ในทันที ขอให้ทำการตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงให้รอบด้านก่อนการแชร์ข้อมูลต่างๆ เพื่อลดปัญหาการส่งต่อข้อมูลที่ผิดพลาด โดยประชาชนสามารถติดตามข่าวสารหรือตรวจสอบข้อมูลที่ถูกต้องได้ผ่านทางเว็บไซต์ของ กรมการขนส่งทางบก www.dlt.go.th หรือ Call Center 1584 ตลอด 24 ชั่วโมง
นอกจากนี้ ยังพบการกระทำของกลุ่มมิจฉาชีพแสวงหาผลประโยชน์รับดำเนินการทางทะเบียนและแอบอ้างว่าสามารถออกใบอนุญาตขับรถได้โดยไม่ต้องทดสอบ โดยใช้สื่อสังคมออนไลน์เป็นช่องทาง ซึ่งข้อเท็จจริงปรากฏว่าผู้ที่หลงเชื่อต้องสูญเสียเงินเป็นจำนวนมาก และได้รับเอกสารปลอม ซึ่งหากนำเอกสารหรือใบอนุญาตขับรถปลอมมาแสดงเป็นหลักฐานกับทางราชการ จะมีความผิดตามกฎหมายอาญา ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กรมการขนส่งทางบกจึงขอแจ้งเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อ กลุ่มมิจฉาชีพที่รับอาสาดำเนินการแทนหรือรับปลอมแปลงเอกสารราชการโดยเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นการเชิญชวนผ่านช่องทางใดก็ตาม และเพื่อป้องกันประชาชนตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพดังกล่าว กรมการขนส่งทางบกได้จัดเจ้าหน้าที่เข้มงวดตรวจตรากลุ่มมิจฉาชีพ รวมถึงกลุ่มหน้าม้าที่รับอาสาดำเนินการแทนในด้านต่างๆ ภายในและบริเวณโดยรอบสำนักงาน และหากตรวจสอบพบเจ้าหน้าที่ของกรมการขนส่งทางบกมีเจตนาร่วมกระทำผิดจะดำเนินการทางวินัยทันที
ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางบก ขอให้ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ที่เผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จ ยุติ การสร้างความสับสนแก่ประชาชน และขอให้ประชาชนอย่าเชื่อข้อมูลที่มาจากการแชร์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ในทันที ขอให้ทำการตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงให้รอบด้านก่อนการแชร์ข้อมูลต่างๆ เพื่อลดปัญหาการส่งต่อข้อมูลที่ผิดพลาด โดยประชาชนสามารถติดตามข่าวสารหรือตรวจสอบข้อมูลที่ถูกต้องได้ผ่านทางเว็บไซต์ของ กรมการขนส่งทางบก www.dlt.go.th หรือ Call Center 1584 ตลอด 24 ชั่วโมง