นายแพทย์สัมพันธ์ คมฤทธิ์ เลขาธิการแพทยสภา เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ได้หารือกรณีนักศึกษาทุจริตสอบเข้าวิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต และมีมติว่า ให้ผู้ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ากระทำการทุจริตจริง ไม่มีสิทธิ์เป็นสมาชิกแพทยสภาและขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม เนื่องจากผู้สอบเข้าเพื่อจะเป็นนักศึกษาแพทย์ใช้วิธีการทุจริต ถือเป็นความผิดทางจริยธรรมและคุณธรรมอย่างร้ายแรง สร้างความเสื่อมเสียเกียรติ ศักดิ์ศรีของวิชาชีพ
ทั้งนี้ มติแพทยสภาดังกล่าวหมายความว่า ผู้ที่พิสูจน์ได้ว่าทุจริตในการสอบเข้าเรียนคณะแพทยศาสตร์ จะไม่สามารถเป็นแพทย์รักษาคนไข้ได้ เพราะแพทย์ที่จะรักษาคนไข้จะต้องเป็นสมาชิกของแพทยสภา และผ่านการสอบใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมจากแพทยสภา ซึ่งการที่นักเรียน นักศึกษาทุจริตในการสอบเข้าเรียนคณะแพทยศาสตร์จะเป็นปัญหาต่อวิชาชีพทางการแพทย์ และถึงแม้ว่าจะไปเรียนจบแพทยศาสตรบัณฑิตจากต่างประเทศ ก็ไม่สามารถมาประกอบวิชาชีพแพทย์ในเมืองไทยได้ เพราะไม่ได้ใบอนุญาตจากแพทยสภาแน่นอน
นายแพทย์สัมพันธ์ กล่าวด้วยว่า คณะกรรมการแพทยสภายังมีการหารือไปถึงกรณีแพทย์ที่เป็นผู้ได้รับอนุญาตประกอบวิชาชีพแล้ว แต่กระทำการทุจริต เช่น ออกใบรับรองแพทย์เท็จโดยมีผลประโยชน์ หรือมีเจตนาทุจริต จรรยาบรรณ วิชาชีพที่หนักกว่ากรณีอื่นๆ ด้วย ซึ่งแพทยสภารับไม่ได้อย่างยิ่ง หากแพทย์ไม่มีความซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพ ไม่เหมาะที่จะประกอบวิชาชีพนี้
ทั้งนี้ มติแพทยสภาดังกล่าวหมายความว่า ผู้ที่พิสูจน์ได้ว่าทุจริตในการสอบเข้าเรียนคณะแพทยศาสตร์ จะไม่สามารถเป็นแพทย์รักษาคนไข้ได้ เพราะแพทย์ที่จะรักษาคนไข้จะต้องเป็นสมาชิกของแพทยสภา และผ่านการสอบใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมจากแพทยสภา ซึ่งการที่นักเรียน นักศึกษาทุจริตในการสอบเข้าเรียนคณะแพทยศาสตร์จะเป็นปัญหาต่อวิชาชีพทางการแพทย์ และถึงแม้ว่าจะไปเรียนจบแพทยศาสตรบัณฑิตจากต่างประเทศ ก็ไม่สามารถมาประกอบวิชาชีพแพทย์ในเมืองไทยได้ เพราะไม่ได้ใบอนุญาตจากแพทยสภาแน่นอน
นายแพทย์สัมพันธ์ กล่าวด้วยว่า คณะกรรมการแพทยสภายังมีการหารือไปถึงกรณีแพทย์ที่เป็นผู้ได้รับอนุญาตประกอบวิชาชีพแล้ว แต่กระทำการทุจริต เช่น ออกใบรับรองแพทย์เท็จโดยมีผลประโยชน์ หรือมีเจตนาทุจริต จรรยาบรรณ วิชาชีพที่หนักกว่ากรณีอื่นๆ ด้วย ซึ่งแพทยสภารับไม่ได้อย่างยิ่ง หากแพทย์ไม่มีความซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพ ไม่เหมาะที่จะประกอบวิชาชีพนี้