วานนี้ (11 พฤษภาคม 2559) เว็บไซต์ isranews.org ได้มีการเผยแพร่เอกสารอ้างว่า เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม 2559 คณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีมติเห็นชอบการเลื่อนบำเหน็จ (2 ขั้น) และการเลื่อนขั้นเงินเดือนกรณีพิเศษ 2 ขั้น จากงบกลางเพิ่มเติม ให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติงานใน คสช.จำนวน 709 ราย ตามที่สำนักเลขาธิการ คสช. ได้เสนอมา
โดยข้อเสนอดังกล่าวเพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้วยความทุ่มเทและเสียสละ ในสถานการณ์ที่มีความตรากตรำ และยากลำบากตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งข้าราชการกลุ่มนี้เป็นการขอตัวช่วยราชการจากราชการต้นสังกัด ทำให้มีโอกาสได้รับการพิจารณาบำเหน็จ (2 ขั้น) จากหน่วยต้นสังกัดเดิมน้อยลง
ทั้งนี้ สำนักเลขาธิการ คสช. ได้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการพิจารณาเงินเดือนแห่งชาติ (กงช.) คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) สำนักงาน ก.พ. และกระทรวงการคลังแล้ว ทั้งสี่หน่วยงานข้างต้นต่างเห็นชอบกับการดำเนินการดังกล่าว
ดังนั้น ครม.จึงมีมติเห็นชอบกับเรื่องดังกล่าวตามที่สำนักเลขาธิการ คสช.เสนอ สำหรับงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าว ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของส่วนราชการต้นสังกัดในโอกาสแรกก่อน หากไม่เพียงพอก็ให้เบิกจ่ายจากงบกลาง รายการเงินเลื่อนเงินเดือนและเงินปรับวุฒิข้าราชการเป็นลำดับต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
โดยข้อเสนอดังกล่าวเพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้วยความทุ่มเทและเสียสละ ในสถานการณ์ที่มีความตรากตรำ และยากลำบากตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งข้าราชการกลุ่มนี้เป็นการขอตัวช่วยราชการจากราชการต้นสังกัด ทำให้มีโอกาสได้รับการพิจารณาบำเหน็จ (2 ขั้น) จากหน่วยต้นสังกัดเดิมน้อยลง
ทั้งนี้ สำนักเลขาธิการ คสช. ได้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการพิจารณาเงินเดือนแห่งชาติ (กงช.) คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) สำนักงาน ก.พ. และกระทรวงการคลังแล้ว ทั้งสี่หน่วยงานข้างต้นต่างเห็นชอบกับการดำเนินการดังกล่าว
ดังนั้น ครม.จึงมีมติเห็นชอบกับเรื่องดังกล่าวตามที่สำนักเลขาธิการ คสช.เสนอ สำหรับงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าว ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของส่วนราชการต้นสังกัดในโอกาสแรกก่อน หากไม่เพียงพอก็ให้เบิกจ่ายจากงบกลาง รายการเงินเลื่อนเงินเดือนและเงินปรับวุฒิข้าราชการเป็นลำดับต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
