นายพงษ์ศักดิ์ ปรีชาวิทย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ เปิดเผยว่า เกิดเหตุเพลิงลุกไม้สวนยางพาราของชาวบ้าน ซึ่งอยู่ใกล้กับที่ทำการสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า (ธ.ก.ส.) บึงกาฬ จำกัด และด้านหลังสถานีไฟฟ้าแรงสูงบึงกาฬ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ.บึงกาฬ ซึ่งในช่วงเกิดเพลิงไหม้มีอาการร้อนระอุและมีลมกระโชกแรงมาเป็นระยะ ทำให้ไฟลุกไหม้เข้าสวนยางพาราที่อยู่ใกล้อย่างรวดเร็ว โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบลบึงกาฬ ได้สั่งการให้รถดับเพลิงออกมาฉีดน้ำสกัด แต่เนื่องจากไฟได้ลุกลามจากริมถนนเข้าไปในป่าห่างเข้าไปประมาณ 200 เมตร รถดับเพลิงจึงเข้าไปไม่ถึง แม้จะต่อสายดับเพลิงแล้ว อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าราชการได้สั่งการให้รถดับเพลิงจากองค์การบริหารส่วนตำบลโนนสมบูรณ์ เทศบาลบึงกาฬและรถดับเพลิงจากเทศบาลวิศิษฐ์เข้ามาเสริมอีก 4 คัน ลุยเดินรถดับเพลิงเข้าให้ถึงพื้นที่เกิดเพลิงไหม้ให้ใกล้ที่สุดเพื่อจะฉีดน้ำให้ได้ เนื่องจากไฟได้ไหม้ตามโคนต้นไม้และพุ่มไม้ใหญ่ หากทิ้งไว้ไม่ดับให้สนิท ไฟอาจลุกติดขึ้นแล้วลุกลามได้ ต้องใช้เวลาถึง 2 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงไม่ให้ลุกลามไปที่อื่นได้ โดยสาเหตุเบื้องต้นเกิดไฟไหม้ในครั้งนี้ ทราบว่าเกิดจากชาวบ้านที่เข้าไปหาของป่าได้จุดไฟเผาป่าเพื่อความสะดวกในการเดินหา เช่น หาเห็ดป่า ต้นข่าป่า ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการเห็นแก่ตัวและเป็นการกระทำผิดกฎหมายบ้านเมืองวางเพลิงเผาป่าเพื่อหาสิ่งของ จึงฝากเตือนพี่น้องประชาชนให้เลิกพฤติกรรมนี้เสีย เพราะอาจสร้างความเสียหายให้เกิดแก่ทรัพย์สินของบุคคลและส่วนราชการได้ นอกจากนี้ไฟไหม้ป่ายังก่อให้เกิดผลเสียต่อสภาวะอากาศของโลก เกิดสภาวะเรือนกระจก ซึ่งมีผลทำให้อุณหภูมิของโลกสูงขึ้น ส่งผลกระทบโดยตรงกับระบบนิเวศของโลก ทำให้เสียสมดุลตามธรรมชาติ เช่นการเกิดของพายุที่มีอานุภาพรุนแรงอย่างที่เราเห็นในปัจจุบันนี้ก็ได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อพวกเราโดยตรง