ร.ต.อ.อภิวัฒน์ เกษร ร้อยเวร สภ.บางพลี สมุทรปราการ ได้รับแจ้งมีเหตุไฟไหม้ภายในโรงงานหลอมพลาสติกชื่อบริษัท เยี่ยนหัว พลาสติก จำกัด หมู่ 12 ซอยสุนทรวิภาค โครงการสุวรรณบุตร ตำบลบางปลา อำเภอบางพลี สมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยรถดับเพลิง องค์การบริหารส่วนตำบลบางปลาและเทศบาลใกล้เคียงกว่า 10 คัน เดินทางตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่าเป็นโรงงานหลอมพลาสติกเก่าตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 2 ไร่ พบเพลิงกำลังลุกโหมอย่างรุนแรงและมีเสียงระเบิดดังขึ้นเป็นระยะ โดยเปลวไฟกำลังจะลุกลามไปลุกไหม้โรงงานใกล้เคียงที่อยู่ติดกัน เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจึงได้ช่วยกันระดมฉีดน้ำเพื่อสกัดเพลิง แต่ก็เป็นไปด้วยความลำบากเนื่องจากภายในโรงงานดังกล่าวมีพลาสติกเก็บเอาไว้จำนวนมาก จึงกลายเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้เปลวเพลิงลุกโหมอย่างรุนแรง
ขณะเดียวกัน ชาวบ้านและพนักงานโรงงานใกล้เคียงต่างพากันขนข้าวของออกมาจากโรงงานมากองไว้ด้านนอกเกรงว่าไฟจะลุกลามไปถึงเนื่องจากในที่เกิดเหตุมีลมกระโชกแรง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องใช้เวลาในการฉีดน้ำสกัดเพลิงอยู่นานกว่า 3 ชั่วโมง จึงสามารถสกัดเพลิงให้อยู่ในวงล้อมได้ไม่ให้ลุกลามไปที่อื่นได้แต่ก็ต้องฉีดน้ำเลี้ยงในที่เกิดเหตุตลอดเวลา หลังเพลิงสงบพบว่ามีรถยนต์กระบะถูกไฟเผาได้รับความเสียหายจำนวน 2 คัน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้น่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร เนื่องจากในขณะเกิดเหตุไม่มีใครอยู่ในโรงงานที่เกิดเหตุ อย่างไรก็ตามจะได้ประสานเจ้าหน้าที่วิทยาการเข้าตรวจสอบหาสาเหตุโดยละเอียดอีกครั้งส่วนค่าเสียหายเบื้องต้นคาดว่าไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท อย่างไรก็ตามจะได้ทำการสอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ขณะเดียวกัน ชาวบ้านและพนักงานโรงงานใกล้เคียงต่างพากันขนข้าวของออกมาจากโรงงานมากองไว้ด้านนอกเกรงว่าไฟจะลุกลามไปถึงเนื่องจากในที่เกิดเหตุมีลมกระโชกแรง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องใช้เวลาในการฉีดน้ำสกัดเพลิงอยู่นานกว่า 3 ชั่วโมง จึงสามารถสกัดเพลิงให้อยู่ในวงล้อมได้ไม่ให้ลุกลามไปที่อื่นได้แต่ก็ต้องฉีดน้ำเลี้ยงในที่เกิดเหตุตลอดเวลา หลังเพลิงสงบพบว่ามีรถยนต์กระบะถูกไฟเผาได้รับความเสียหายจำนวน 2 คัน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้น่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร เนื่องจากในขณะเกิดเหตุไม่มีใครอยู่ในโรงงานที่เกิดเหตุ อย่างไรก็ตามจะได้ประสานเจ้าหน้าที่วิทยาการเข้าตรวจสอบหาสาเหตุโดยละเอียดอีกครั้งส่วนค่าเสียหายเบื้องต้นคาดว่าไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท อย่างไรก็ตามจะได้ทำการสอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป