ที่ริมทะเลบ้านท่าสูงบน ม.4 ต.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ชาวบ้านพบโลมาสีชมพูขนาดใหญ่ ความยาวประมาณ 2.5 เมตร น้ำหนักประมาณ 200 กิโลกรัม ตายเกยตื้นอยู่ริมหาด ซึ่งสภาพของโลมาตัวดังกล่าวนั้น มีบาดแผลถลอกที่กลางลำตัว และมีแผลที่ปากด้านล่างมีเลือดไหลนอง คาดว่าบาดแผลดังกล่าวน่าจะมาจากร่องรอยอุปกรณ์อวนลากของชาวประมงที่อาจะทำให้เสียชีวิต
นายสายัณห์ สหกุล อายุ 38 ปี ชาวบ้านท่าสูงบน กล่าวว่า โลมาตัวนี้ตายซากอยู่ริมทะเล ซึ่งเป็นโลมาปากขวดขนาดใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 1 ปีที่ผ่านมา หลังจากพบปรากฏว่า มีส่งกลิ่นเหม็นเน่า จึงพากันลากขึ้นฝั่งแล้วเตรียมที่จะฝังกลบ ก่อนจะแจ้ง ร.ต.ต.ณรงค์ชัย คงช่วย รอง สว.(สอบสวน) สภ.ท่าศาลา ทราบเพื่อประสานเจ้าหน้าที่จากศูนย์วิจัยและพัฒนาประมง จ.สงขลา เดินทางมานำซากโลมาสีชมพูไปผ่าตรวจหาสาเหตุการตายต่อไป
ขณะที่ นายภานุพงศ์ อบอุ่น เจ้าหน้าที่กู้ภัยท่าศาลา กล่าวว่า ชาวบ้านพบซากโลมาตัวนี้ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 5 พ.ค. ซึ่งเด็กๆ มามุงดูกันเป็นจำนวนมาก หลังจากนั้นในช่วงเย็นวันเดียวกันซากโลมาเริ่มส่งกลิ่นเหม็นมาก ชาวบ้านจึงได้มาทำการฝังกลบและแจ้งให้เจ้าหน้าที่ๆ เกี่ยวข้องมาตรวจสอบหาสาเหตุการตาย ทั้งนี้ ที่ผ่านมาในช่วงระยะ 1 ปี พบว่าโลมาเสียชีวิตหลายสิบตัวแล้ว ทำให้หวั่นกันว่าโลมาที่ยังเหลืออยู่จะหมดทะเลได้
นายสายัณห์ สหกุล อายุ 38 ปี ชาวบ้านท่าสูงบน กล่าวว่า โลมาตัวนี้ตายซากอยู่ริมทะเล ซึ่งเป็นโลมาปากขวดขนาดใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 1 ปีที่ผ่านมา หลังจากพบปรากฏว่า มีส่งกลิ่นเหม็นเน่า จึงพากันลากขึ้นฝั่งแล้วเตรียมที่จะฝังกลบ ก่อนจะแจ้ง ร.ต.ต.ณรงค์ชัย คงช่วย รอง สว.(สอบสวน) สภ.ท่าศาลา ทราบเพื่อประสานเจ้าหน้าที่จากศูนย์วิจัยและพัฒนาประมง จ.สงขลา เดินทางมานำซากโลมาสีชมพูไปผ่าตรวจหาสาเหตุการตายต่อไป
ขณะที่ นายภานุพงศ์ อบอุ่น เจ้าหน้าที่กู้ภัยท่าศาลา กล่าวว่า ชาวบ้านพบซากโลมาตัวนี้ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 5 พ.ค. ซึ่งเด็กๆ มามุงดูกันเป็นจำนวนมาก หลังจากนั้นในช่วงเย็นวันเดียวกันซากโลมาเริ่มส่งกลิ่นเหม็นมาก ชาวบ้านจึงได้มาทำการฝังกลบและแจ้งให้เจ้าหน้าที่ๆ เกี่ยวข้องมาตรวจสอบหาสาเหตุการตาย ทั้งนี้ ที่ผ่านมาในช่วงระยะ 1 ปี พบว่าโลมาเสียชีวิตหลายสิบตัวแล้ว ทำให้หวั่นกันว่าโลมาที่ยังเหลืออยู่จะหมดทะเลได้