เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 1 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังดร.ท่านเจ้าคุณพระโพธิวรญาณ(เขียว สันตะจิตโต) อายุ 86 ปี 63 พรรษา เจ้าคณะอำเภอพิมาย และเป็นเจ้าอาวาสวัดเดิม ต.ในเมือง อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ได้มรณภาพจากโรคชรา เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 1 เมษายน ที่ ตึกการไฟฟ้า ชั้น 9 ห้อง 902 โรงพยาบาลหมาราชนครราชสีมา
ล่าสุดบรรดาลูกศิษย์และพระลูกวัดวัดเดิม ได้นำสรีระสังขารกลับมายังยังโรงพยาบาลพิมาย เพื่อเตรียมนำสรีระสังขารไปประกอบพิธีสรงน้ำพระราชทานอาบศพในวันที่ 2 เม.ย.59 เวลา 16.00 น. ที่ศาลาการเปรียญวัดเดิม ต.ในเมือง อ.พิมาย จ.นครราชสีมา
สำหรับประวัติและสมณเกียรติคุณ พระโพธิวรญาณ(เขียวสันตะจิตโต) เกิดเมื่อวันที่ 19 ก.ค.2437 ที่บ้านหนองจิก ต.โบสถ์ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา เป็นบุตรของ นายอยู่ ขวัญสุข นางพูน ขวัญสุข ชีวิตในวัยเยาว์ กำพร้าบิดาตั้งแต่อายุ 9 ปี ครั้งเมื่ออายุได้ 11 ปีกำพร้ามารดาอีก จึงอยู่ในความอุปการะดูแลของ นางบัว พลีดี พี่สาวคนโต หลังจากการจบการศึกษาชั้นประถมปีที่ 4 จากโรงเรียนบ้านหนองจิก แล้วช่วยพี่สาวทำนาทำไร่พร้อมกับใช้เวลาว่างฝึกซ้อมดนครีไทย เพลงโคราช ลิเก โดยเฉพาะมีพรสวรรค์การตีระนาดเอกด้วยความไพเราะจนต่อมาได้มาบวชเรียนเป็นสามเณร
สำหรับชีวิตเพศบรรพชิต พระโพธิวรญาณ เข้าอุปสมบทเมื่ออายุ 23 ปี ต่อมาพระโพธิวรญาณได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะอำเภอพิมาย เจ้าอาวาสวัดเดิม ในเมื่ออายุได้ 80 ปี ได้รับยกย่องประกาศเกียรติคุณ ให้รับปริญญาพุทธศาสตรดุษฏีบัณฑิต สาขาพระพุทธศาสนา จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เมื่อวันที่ 19 ก.ค.2553
ต่อมาเมื่อปี 2557 เริ่มป่วยเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลพิมายและโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาอยู่เป็นประจำ จนมาเมื่อวันที่ 31 มี.ค.59 อาการป่วยได้ทรุดหนักประกอบกับมีโรคประจำตัวหลายโรคจนสินลมหายใจลง มรณภาพ ในวันที่ 1 เม.ย. 2559 เวลา 06.00 น.ที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา
ล่าสุดบรรดาลูกศิษย์และพระลูกวัดวัดเดิม ได้นำสรีระสังขารกลับมายังยังโรงพยาบาลพิมาย เพื่อเตรียมนำสรีระสังขารไปประกอบพิธีสรงน้ำพระราชทานอาบศพในวันที่ 2 เม.ย.59 เวลา 16.00 น. ที่ศาลาการเปรียญวัดเดิม ต.ในเมือง อ.พิมาย จ.นครราชสีมา
สำหรับประวัติและสมณเกียรติคุณ พระโพธิวรญาณ(เขียวสันตะจิตโต) เกิดเมื่อวันที่ 19 ก.ค.2437 ที่บ้านหนองจิก ต.โบสถ์ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา เป็นบุตรของ นายอยู่ ขวัญสุข นางพูน ขวัญสุข ชีวิตในวัยเยาว์ กำพร้าบิดาตั้งแต่อายุ 9 ปี ครั้งเมื่ออายุได้ 11 ปีกำพร้ามารดาอีก จึงอยู่ในความอุปการะดูแลของ นางบัว พลีดี พี่สาวคนโต หลังจากการจบการศึกษาชั้นประถมปีที่ 4 จากโรงเรียนบ้านหนองจิก แล้วช่วยพี่สาวทำนาทำไร่พร้อมกับใช้เวลาว่างฝึกซ้อมดนครีไทย เพลงโคราช ลิเก โดยเฉพาะมีพรสวรรค์การตีระนาดเอกด้วยความไพเราะจนต่อมาได้มาบวชเรียนเป็นสามเณร
สำหรับชีวิตเพศบรรพชิต พระโพธิวรญาณ เข้าอุปสมบทเมื่ออายุ 23 ปี ต่อมาพระโพธิวรญาณได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะอำเภอพิมาย เจ้าอาวาสวัดเดิม ในเมื่ออายุได้ 80 ปี ได้รับยกย่องประกาศเกียรติคุณ ให้รับปริญญาพุทธศาสตรดุษฏีบัณฑิต สาขาพระพุทธศาสนา จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เมื่อวันที่ 19 ก.ค.2553
ต่อมาเมื่อปี 2557 เริ่มป่วยเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลพิมายและโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาอยู่เป็นประจำ จนมาเมื่อวันที่ 31 มี.ค.59 อาการป่วยได้ทรุดหนักประกอบกับมีโรคประจำตัวหลายโรคจนสินลมหายใจลง มรณภาพ ในวันที่ 1 เม.ย. 2559 เวลา 06.00 น.ที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา