เมื่อวันที่ 30 มีนาคม นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนแผน National e-Payment โดยระบุว่า กระทรวงการคลังเตรียมเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายใน 2-3 สัปดาห์ พิจารณาอนุมัติการเปิดรับลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยผ่านธนาคารรัฐ เบื้องต้นกำหนดเกณฑ์ผู้ที่เข้าข่ายเป็นผู้มีรายได้น้อยต้องมีรายได้ต่ำกว่าค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน (8 หมื่นบาทต่อปี) และมีเงินฝากในบัญชีธนาคารไม่เกิน 3 หมื่นบาท ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เข้าเกณฑ์ 19 ล้านราย คาดว่าจะเริ่มลงทะเบียนได้ช่วงเดือนกรกฎาคม
ทั้งนี้รัฐบาลจะนำข้อมูลดังกล่าวไปเชื่อมโยงกับโครงการ National e-Payment ที่รัฐบาลกำลังเร่งดำเนินการ ซึ่งจะนำไปใช้ร่วมกับข้อมูลของกระทรวงมหาดไทย เพื่อเป็นเครื่องมือมอบสิทธิประโยชน์และความช่วยเหลือได้ตรงกลุ่ม โดยจะเปิดลงทะเบียนครั้งแรกก่อน หลังจากนี้จะอัพเดตข้อมูลทุกปี เพื่อยืนยันสถานะ หากยังเป็นผู้เข้าเกณฑ์ที่ต้องได้รับความช่วยเหลือของรัฐบาล ก็จะใช้ส่วนนี้เป็นข้อมูล ซึ่งเป็นประโยชน์กับประชาชนและประเทศในอนาคต
ส่วนความคืบหน้าเกี่ยวกับโครงการ National e-Payment นั้น โครงการระบบการชำระเงินแบบ Any ID ที่จะอำนวยความสะดวกให้ประชาชนสามารถชำระเงิน หรือโอนเงินผ่านบัตรประชาชน หรือเบอร์โทรศัพท์มือถือ ขณะนี้มีความพร้อม และคาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ภายในเดือนกรกฎาคม เชื่อว่าจะทำให้ประชาชนทุกกลุ่มเข้าถึงการบริการทางการเงินมากขึ้น โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย และไม่มีบัญชีกับธนาคาร
สำหรับโครงการขยายการใช้บัตร ตั้งเป้ากระจายเครื่องรับบัตรเครดิต/เดบิต (EDC) ทั่วประเทศเพิ่มเป็น 1 ล้านเครื่อง โดยในเฟสแรกกำหนดไว้ 5 แสนเครื่อง เพื่อรองรับระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่รัฐบาลเร่งดำเนินการอยู่ ส่วนความคืบหน้าโครงการระบบภาษี และเอกสารธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ภายใต้กรมสรรพากรจะเปิดให้ประชาชนยื่นข้อมูลใบกำกับภาษีแบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งได้ออกแบบเพื่อเปิดให้ใช้พร้อมกับระบบ Any ID ช่วงเดือนกรกฎาคมเช่นกัน
ทั้งนี้โครงการ e-Payment ภาครัฐ ภายในสิ้นปีนี้ระบบการทำธุรกรรมของภาครัฐทั้งหมดทั้งรายรับและรายจ่ายจะเป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดต้นทุนทางการเงิน และลดข้อผิดพลาดในการนับเงิน และทำให้การทำงานเร็วขึ้น ซึ่งจะครอบคลุมการเปิดรับลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยด้วย นอกจากนี้ โครงการให้ความรู้และส่งเสริมการใช้ธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ จะเริ่มประชาสัมพันธ์ภายในเดือนเมษายนเกี่ยวกับประโยชน์และสิทธิที่ประชาชนจะได้ อาทิ หากใครที่เข้ามาใช้ระบบ e-Payment อาจได้รับสิทธิประโยชน์ด้วยการคิดภาษีมูลค่าเพิ่มต่ำกว่าอัตราปกติ เป็นต้น ซึ่งยังอยู่ระหว่างการพิจารณาตามความเหมาะสม
ด้านนายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า การประชุม ครม.สัปดาห์หน้า กระทรวงการคลังจะเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมให้ครม.เห็นชอบ ซึ่งเป็นมาตรการที่ออกมาแล้วจะเป็นผลดีกับเศรษฐกิจอย่างมาก โดยมาตรการที่ออกมาจะเป็นมาตรการใหม่ที่ไม่ใช่มาตรการจ่ายเงินให้ข้าราชการและประชาชน
รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สัปดาห์หน้ากระทรวงจะเสนอ ครม. ให้เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม จ่ายเงินให้ข้าราชการระดับล่างและกลางที่ไม่มีเงินประจำตำแหน่งคนละ 1,000 บาท โดยจ่ายครั้งเดียว จะมีผู้ได้รับเงิน 1.57 ล้านคน ใช้งบประมาณ 1,570 ล้านบาท หากครม.เห็นชอบ จะขอให้สำนักงบประมาณอนุมัติเงินดังกล่าว เพื่อจ่ายเงินให้ข้าราชการทันแทศกาลสงกรานต์ อย่างไรก็ตาม ในส่วนลูกจ้างประจำและลูกจ้างชั่วคราว กระทรวงการคลังต้องโอนเงินให้ต้นสังกัดเป็นคนจ่าย ซึ่งอาจมีบางคนได้รับเงินไม่ทันช่วงสงกรานต์
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังเตรียมเสนอมาตรการลดหย่อนภาษีจากการซื้อสินค้าโอท็อปให้มาหักลดหย่อนภาษีได้ เพื่อเป็นการส่งเสริมการซื้อสินค้าของคนไทยและกระตุ้นเศรษฐกิจ เหมือนลดภาษีจากท่องเที่ยวและรับประทานอาหารด้วย
ทั้งนี้รัฐบาลจะนำข้อมูลดังกล่าวไปเชื่อมโยงกับโครงการ National e-Payment ที่รัฐบาลกำลังเร่งดำเนินการ ซึ่งจะนำไปใช้ร่วมกับข้อมูลของกระทรวงมหาดไทย เพื่อเป็นเครื่องมือมอบสิทธิประโยชน์และความช่วยเหลือได้ตรงกลุ่ม โดยจะเปิดลงทะเบียนครั้งแรกก่อน หลังจากนี้จะอัพเดตข้อมูลทุกปี เพื่อยืนยันสถานะ หากยังเป็นผู้เข้าเกณฑ์ที่ต้องได้รับความช่วยเหลือของรัฐบาล ก็จะใช้ส่วนนี้เป็นข้อมูล ซึ่งเป็นประโยชน์กับประชาชนและประเทศในอนาคต
ส่วนความคืบหน้าเกี่ยวกับโครงการ National e-Payment นั้น โครงการระบบการชำระเงินแบบ Any ID ที่จะอำนวยความสะดวกให้ประชาชนสามารถชำระเงิน หรือโอนเงินผ่านบัตรประชาชน หรือเบอร์โทรศัพท์มือถือ ขณะนี้มีความพร้อม และคาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ภายในเดือนกรกฎาคม เชื่อว่าจะทำให้ประชาชนทุกกลุ่มเข้าถึงการบริการทางการเงินมากขึ้น โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย และไม่มีบัญชีกับธนาคาร
สำหรับโครงการขยายการใช้บัตร ตั้งเป้ากระจายเครื่องรับบัตรเครดิต/เดบิต (EDC) ทั่วประเทศเพิ่มเป็น 1 ล้านเครื่อง โดยในเฟสแรกกำหนดไว้ 5 แสนเครื่อง เพื่อรองรับระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่รัฐบาลเร่งดำเนินการอยู่ ส่วนความคืบหน้าโครงการระบบภาษี และเอกสารธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ภายใต้กรมสรรพากรจะเปิดให้ประชาชนยื่นข้อมูลใบกำกับภาษีแบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งได้ออกแบบเพื่อเปิดให้ใช้พร้อมกับระบบ Any ID ช่วงเดือนกรกฎาคมเช่นกัน
ทั้งนี้โครงการ e-Payment ภาครัฐ ภายในสิ้นปีนี้ระบบการทำธุรกรรมของภาครัฐทั้งหมดทั้งรายรับและรายจ่ายจะเป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดต้นทุนทางการเงิน และลดข้อผิดพลาดในการนับเงิน และทำให้การทำงานเร็วขึ้น ซึ่งจะครอบคลุมการเปิดรับลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยด้วย นอกจากนี้ โครงการให้ความรู้และส่งเสริมการใช้ธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ จะเริ่มประชาสัมพันธ์ภายในเดือนเมษายนเกี่ยวกับประโยชน์และสิทธิที่ประชาชนจะได้ อาทิ หากใครที่เข้ามาใช้ระบบ e-Payment อาจได้รับสิทธิประโยชน์ด้วยการคิดภาษีมูลค่าเพิ่มต่ำกว่าอัตราปกติ เป็นต้น ซึ่งยังอยู่ระหว่างการพิจารณาตามความเหมาะสม
ด้านนายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า การประชุม ครม.สัปดาห์หน้า กระทรวงการคลังจะเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมให้ครม.เห็นชอบ ซึ่งเป็นมาตรการที่ออกมาแล้วจะเป็นผลดีกับเศรษฐกิจอย่างมาก โดยมาตรการที่ออกมาจะเป็นมาตรการใหม่ที่ไม่ใช่มาตรการจ่ายเงินให้ข้าราชการและประชาชน
รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สัปดาห์หน้ากระทรวงจะเสนอ ครม. ให้เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม จ่ายเงินให้ข้าราชการระดับล่างและกลางที่ไม่มีเงินประจำตำแหน่งคนละ 1,000 บาท โดยจ่ายครั้งเดียว จะมีผู้ได้รับเงิน 1.57 ล้านคน ใช้งบประมาณ 1,570 ล้านบาท หากครม.เห็นชอบ จะขอให้สำนักงบประมาณอนุมัติเงินดังกล่าว เพื่อจ่ายเงินให้ข้าราชการทันแทศกาลสงกรานต์ อย่างไรก็ตาม ในส่วนลูกจ้างประจำและลูกจ้างชั่วคราว กระทรวงการคลังต้องโอนเงินให้ต้นสังกัดเป็นคนจ่าย ซึ่งอาจมีบางคนได้รับเงินไม่ทันช่วงสงกรานต์
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังเตรียมเสนอมาตรการลดหย่อนภาษีจากการซื้อสินค้าโอท็อปให้มาหักลดหย่อนภาษีได้ เพื่อเป็นการส่งเสริมการซื้อสินค้าของคนไทยและกระตุ้นเศรษฐกิจ เหมือนลดภาษีจากท่องเที่ยวและรับประทานอาหารด้วย