ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) วันที่ 28 มีนาคมนี้ พล.ต.ต.ทรงพล วัธนะชัย รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการตรวจเลือดนายเจนภพ วีรพร ผู้ต้องหาคดีขับรถเบนซ์ชนรถฟอร์ด เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา ว่าวันนี้จะมีการตรวจเลือดนายเจนภพ เพื่อยืนยันว่ามีสารหรือสิ่งเสพติดที่มีผลต่อการขับยานพาหนะหรือไม่ ส่วนสำนวนคดีนั้นมีความคืบหน้าตามลำดับ และอยู่ระหว่างการประสานงานกับบริษัทเบนซ์ในฮ่องกงตรวจคำนวณความเร็ว เพื่อให้พยานหลักฐานครอบคลุม สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในการดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา ทั้งนี้ คาดว่าสามารถสรุปสำนวนในการสอบสวน และส่งให้พนักงานอัยการได้ภายในสัปดาห์หน้า
สำหรับคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ทายาทเครื่องดื่มชูกำลังกระทิงแดง ที่ตกเป็นผู้ต้องหาขับรถชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบปราม สน.ทองหล่อ เสียชีวิต คดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2555 ซึ่งพนักงานสอบสวนแจ้งเอาผิด 4 ข้อหา คือ ขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือผู้ถูกชนและไม่แจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ, ขับรถขณะเมาสุรา และขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด ส่วนคดีหมดอายุความไปแล้วคือ ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด แต่ยังมีอีก 3 ข้อหาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องดำเนินการเอาผิด โดยเฉพาะข้อหาขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งมีอายุความ 15 ปี มีโทษจำคุก 10 ปี ขณะนี้พนักงานสอบสวนส่งสำนวนให้พนักงานอัยการเรียบร้อยแล้ว และจะมีการแจ้งหนังสือไปยังนายวรยุทธ เนื่องจากขณะนี้นายวรยุทธอาศัยอยู่ในต่างประเทศ เพื่อดำเนินการส่งฟ้องศาลต่อไป
พล.ต.ต.ทรงพลกล่าวว่า ยืนยันว่าพยานหลักฐานที่มีสามารถนำตัวนายวรยุทธมาดำเนินคดีได้ เพราะในกรณีที่ผู้ต้องหามีการประกันตัวไปแล้ว และพนักงานสอบสวนไม่สามารถนำตัวผู้ต้องหามาส่งพร้อมสำนวนการสอบสวนถือว่าผิดสำนวนการประกัน สามารถดำเนินการปรับได้ตามกฎหมาย และสามารถออกหมายจับย้อนกลับไปได้ด้วย ส่วนกรณีที่คดีความล่าช้าเนื่องจากผู้ต้องหาทำหนังสือเลื่อนให้ปากคำและใช้เหตุผลจำเป็นต้องไปต่างประเทศ
ด้าน พล.ต.ท.ศานิตย์ มหาถาวร รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า ขณะนี้ผลสอบสวนการปล่อยให้คดีขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนดของนายวรยุทธหมดอายุความ เริ่มมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ตำรวจมีข้อบอกพร่องชัดเจนทั้งสำนวนที่ส่งไปให้อัยการ พบว่าไม่มีการแจ้งข้อหาเมาแล้วขับแก่นายวรยุทธ แต่กลับแจ้งข้อหาข้อหาขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และ "เมาหลังขับ" แก่ผู้ต้องหา คืออ้างว่าผู้ต้องหาขับรถชนคนตายแล้วเครียดเลยไปดื่มเหล้าจนเมา ซึ่งจะเป็นการช่วยเหลือฝ่ายผู้ต้องหาหรือจะมีใครรู้เห็นหรือไม่นั้น ขณะนี้ตนยังไม่สามารถตอบได้ เพราะไม่อยากพาดพิงไปถึงหน่วยงานอื่น แต่ในส่วนของตำรวจยืนยันว่าไม่สามารถรื้อคดีของนายวรยุทธใหม่ได้ เป็นหน้าที่ของอัยการที่จะพิจารณา ทั้งนี้ ตนสั่งให้ตรวจสอบเพิ่มเติมในประเด็นการให้คนขับรถในบ้านมาเป็นผู้ต้องหาในครั้งแรก โดยคนขับรถให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนว่าเป็นผู้ก่อเหตุ แต่กลับให้การปฏิเสธภายหลัง ซึ่งตนต้องการทราบว่าใครเป็นคนคุมตัวคนขับรถคนดังกล่าวมาให้การรับสารภาพในครั้งแรก ทั้งนี้ จะส่งเรื่องให้ ผบ.ตร.พิจารณาในวันเดียวกัน
สำหรับคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ทายาทเครื่องดื่มชูกำลังกระทิงแดง ที่ตกเป็นผู้ต้องหาขับรถชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบปราม สน.ทองหล่อ เสียชีวิต คดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2555 ซึ่งพนักงานสอบสวนแจ้งเอาผิด 4 ข้อหา คือ ขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือผู้ถูกชนและไม่แจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ, ขับรถขณะเมาสุรา และขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด ส่วนคดีหมดอายุความไปแล้วคือ ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด แต่ยังมีอีก 3 ข้อหาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องดำเนินการเอาผิด โดยเฉพาะข้อหาขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งมีอายุความ 15 ปี มีโทษจำคุก 10 ปี ขณะนี้พนักงานสอบสวนส่งสำนวนให้พนักงานอัยการเรียบร้อยแล้ว และจะมีการแจ้งหนังสือไปยังนายวรยุทธ เนื่องจากขณะนี้นายวรยุทธอาศัยอยู่ในต่างประเทศ เพื่อดำเนินการส่งฟ้องศาลต่อไป
พล.ต.ต.ทรงพลกล่าวว่า ยืนยันว่าพยานหลักฐานที่มีสามารถนำตัวนายวรยุทธมาดำเนินคดีได้ เพราะในกรณีที่ผู้ต้องหามีการประกันตัวไปแล้ว และพนักงานสอบสวนไม่สามารถนำตัวผู้ต้องหามาส่งพร้อมสำนวนการสอบสวนถือว่าผิดสำนวนการประกัน สามารถดำเนินการปรับได้ตามกฎหมาย และสามารถออกหมายจับย้อนกลับไปได้ด้วย ส่วนกรณีที่คดีความล่าช้าเนื่องจากผู้ต้องหาทำหนังสือเลื่อนให้ปากคำและใช้เหตุผลจำเป็นต้องไปต่างประเทศ
ด้าน พล.ต.ท.ศานิตย์ มหาถาวร รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า ขณะนี้ผลสอบสวนการปล่อยให้คดีขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนดของนายวรยุทธหมดอายุความ เริ่มมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ตำรวจมีข้อบอกพร่องชัดเจนทั้งสำนวนที่ส่งไปให้อัยการ พบว่าไม่มีการแจ้งข้อหาเมาแล้วขับแก่นายวรยุทธ แต่กลับแจ้งข้อหาข้อหาขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และ "เมาหลังขับ" แก่ผู้ต้องหา คืออ้างว่าผู้ต้องหาขับรถชนคนตายแล้วเครียดเลยไปดื่มเหล้าจนเมา ซึ่งจะเป็นการช่วยเหลือฝ่ายผู้ต้องหาหรือจะมีใครรู้เห็นหรือไม่นั้น ขณะนี้ตนยังไม่สามารถตอบได้ เพราะไม่อยากพาดพิงไปถึงหน่วยงานอื่น แต่ในส่วนของตำรวจยืนยันว่าไม่สามารถรื้อคดีของนายวรยุทธใหม่ได้ เป็นหน้าที่ของอัยการที่จะพิจารณา ทั้งนี้ ตนสั่งให้ตรวจสอบเพิ่มเติมในประเด็นการให้คนขับรถในบ้านมาเป็นผู้ต้องหาในครั้งแรก โดยคนขับรถให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนว่าเป็นผู้ก่อเหตุ แต่กลับให้การปฏิเสธภายหลัง ซึ่งตนต้องการทราบว่าใครเป็นคนคุมตัวคนขับรถคนดังกล่าวมาให้การรับสารภาพในครั้งแรก ทั้งนี้ จะส่งเรื่องให้ ผบ.ตร.พิจารณาในวันเดียวกัน