พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (รมว.ยุติธรรม) กล่าวถึงกรณี สมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา (สนพ.) เตรียมยื่น 2 หมื่นรายชื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถอดถอนออกจากตำแหน่ง รมว.ยุติธรรม กล่าวหาก้าวล่วงสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ รักษาการสมเด็จพระสังฆราชว่า ถ้ากฎหมายมีก็ถอดถอนไป
พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า ตามกฎหมายไม่ทราบทำได้หรือไม่ เพราะไม่เคยศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี และอย่าเอาตนไปโยงกับกลุ่มเคลื่อนไหว และไม่อยากให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ แต่หากถามประเด็นนี้ ตนก็มีจุดยืนของตัวเอง โดยคนที่แต่งตั้งตนมาคือนายกรัฐมนตรี ให้มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ท่านก็มีสิทธิจะให้อยู่หรือไม่ก็แค่นั้น
"ไม่จำเป็นต้องมองว่าผมถูกหรือผิด แต่นายกรัฐมนตรีต้องดูในบริบทภาพรวม สอดคล้องกับสถานการณ์อย่างไร และผมจะไม่บ่นอะไรทั้งสิ้น และตั้งแต่มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ก็ได้บอกหลายครั้งแล้วว่าไม่ได้เสนอตัว และไม่อยากเป็นแต่ท่านให้มาช่วยงาน และเมื่อไหร่ที่จำเป็นต้องมีการปรับ ไม่ต้องคำนึงว่าผมจะยืนอยู่อย่างไร และไม่ต้องเกรงใจ เพราะท่านต้องมีความจำเป็นในการปรับคณะรัฐมนตรีให้ดีขึ้น รวมทั้งผมได้พูดกับท่านหมดแล้ว ทั้งหมดนี้คือจุดยืน และไม่ขอพูดถึงใคร จะมาทำโน้นทำนี้" พล.อ.ไพบูลย์กล่าว
ทั้งนี้สิ่งที่ตนทำงานอยู่คิดว่าภาคประชาสังคมจับตามองอยู่ ก็น่าจะรู้และเข้าใจดีว่าใครมีจุดยืนที่เหมาะสมอย่างไร แต่สิทธิตามกฎหมายใครจะทำอะไรก็ว่ากันไป แต่ว่าประชาชนจะมองว่าใครยืนอยู่ในจุดที่เหมาะสม ในหน้าที่การงานเพื่อมุ่งสู่ประโยชน์ส่วนรวมหรือกลุ่มคณะอย่างไร เชื่อว่าสังคมน่าจะเข้าใจดี สามารถแยกแยะได้
"ผมไม่ได้พูดว่ามีจุดยืนที่มองเห็นตัวเองดีกว่า แต่พูดถึงภาพรวมสังคมจะรู้ว่าคนนี้ทำเพื่อส่วนรวมหรือกลุ่มก้อน หรือแอบอิงผลประโยชน์ จะทำกฎหมายหรือกฎหมู่ ซึ่งเชื่อว่าสังคมมองรู้หมดว่าอะไรคืออะไร นอกจากนี้ที่ผมพูดอย่างนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าสังคมจะพึงพอใจคำพูดของผม แต่ยืนยันจะพูดอย่างนี้" รมว.ยุติธรรมกล่าว
ถามว่า กังวลหรือไม่ถ้าจะออกหมายเรียกสมเด็จช่วงเข้าให้ปากคำ แล้วจะมีมวลชนมาชุมนุมประท้วง พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า ไม่ทราบ และไม่ขอให้สัมภาษณ์ ซึ่งเรื่องนี้ต้องไปถาม พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ เพราะจะไม่เข้าไปเชื่อมโยงกับเรื่องต่างๆ
พล.อ.ไพบูลย์ยืนยันไม่หวั่นต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์ เพราะยืนหยัดบนความถูกต้องเสมอ ซึ่งตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 22 พ.ค.57 สิ่งหนึ่งที่สังคมเรียกร้องคือการบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าใครจะต้องอยู่ภายใต้กฎหมายนั้นๆ อะไรมีข้อยกเว้น ก็ต้องยกเว้นตามกฎหมายนั้นให้เหมาะให้ควร รวมทั้งไม่ควรมีใครมีสิทธิเหนือคนอื่นบนพื้นฐานของสถานะทางสังคม ดังนั้นคนที่เข้ามาทำงานในตรงส่วนนี้ ต้องกล้ารับผิดชอบและกล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง
พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า ตามกฎหมายไม่ทราบทำได้หรือไม่ เพราะไม่เคยศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี และอย่าเอาตนไปโยงกับกลุ่มเคลื่อนไหว และไม่อยากให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ แต่หากถามประเด็นนี้ ตนก็มีจุดยืนของตัวเอง โดยคนที่แต่งตั้งตนมาคือนายกรัฐมนตรี ให้มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ท่านก็มีสิทธิจะให้อยู่หรือไม่ก็แค่นั้น
"ไม่จำเป็นต้องมองว่าผมถูกหรือผิด แต่นายกรัฐมนตรีต้องดูในบริบทภาพรวม สอดคล้องกับสถานการณ์อย่างไร และผมจะไม่บ่นอะไรทั้งสิ้น และตั้งแต่มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ก็ได้บอกหลายครั้งแล้วว่าไม่ได้เสนอตัว และไม่อยากเป็นแต่ท่านให้มาช่วยงาน และเมื่อไหร่ที่จำเป็นต้องมีการปรับ ไม่ต้องคำนึงว่าผมจะยืนอยู่อย่างไร และไม่ต้องเกรงใจ เพราะท่านต้องมีความจำเป็นในการปรับคณะรัฐมนตรีให้ดีขึ้น รวมทั้งผมได้พูดกับท่านหมดแล้ว ทั้งหมดนี้คือจุดยืน และไม่ขอพูดถึงใคร จะมาทำโน้นทำนี้" พล.อ.ไพบูลย์กล่าว
ทั้งนี้สิ่งที่ตนทำงานอยู่คิดว่าภาคประชาสังคมจับตามองอยู่ ก็น่าจะรู้และเข้าใจดีว่าใครมีจุดยืนที่เหมาะสมอย่างไร แต่สิทธิตามกฎหมายใครจะทำอะไรก็ว่ากันไป แต่ว่าประชาชนจะมองว่าใครยืนอยู่ในจุดที่เหมาะสม ในหน้าที่การงานเพื่อมุ่งสู่ประโยชน์ส่วนรวมหรือกลุ่มคณะอย่างไร เชื่อว่าสังคมน่าจะเข้าใจดี สามารถแยกแยะได้
"ผมไม่ได้พูดว่ามีจุดยืนที่มองเห็นตัวเองดีกว่า แต่พูดถึงภาพรวมสังคมจะรู้ว่าคนนี้ทำเพื่อส่วนรวมหรือกลุ่มก้อน หรือแอบอิงผลประโยชน์ จะทำกฎหมายหรือกฎหมู่ ซึ่งเชื่อว่าสังคมมองรู้หมดว่าอะไรคืออะไร นอกจากนี้ที่ผมพูดอย่างนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าสังคมจะพึงพอใจคำพูดของผม แต่ยืนยันจะพูดอย่างนี้" รมว.ยุติธรรมกล่าว
ถามว่า กังวลหรือไม่ถ้าจะออกหมายเรียกสมเด็จช่วงเข้าให้ปากคำ แล้วจะมีมวลชนมาชุมนุมประท้วง พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า ไม่ทราบ และไม่ขอให้สัมภาษณ์ ซึ่งเรื่องนี้ต้องไปถาม พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ เพราะจะไม่เข้าไปเชื่อมโยงกับเรื่องต่างๆ
พล.อ.ไพบูลย์ยืนยันไม่หวั่นต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์ เพราะยืนหยัดบนความถูกต้องเสมอ ซึ่งตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 22 พ.ค.57 สิ่งหนึ่งที่สังคมเรียกร้องคือการบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าใครจะต้องอยู่ภายใต้กฎหมายนั้นๆ อะไรมีข้อยกเว้น ก็ต้องยกเว้นตามกฎหมายนั้นให้เหมาะให้ควร รวมทั้งไม่ควรมีใครมีสิทธิเหนือคนอื่นบนพื้นฐานของสถานะทางสังคม ดังนั้นคนที่เข้ามาทำงานในตรงส่วนนี้ ต้องกล้ารับผิดชอบและกล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง
