พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีกรมคุมประพฤติระบุว่าน.ส.แพรวา เทพหัสดิน ณ อยุธยา อดีตผู้ต้องหาชนรถตู้จนมีผู้โดยสารเสียชีวิต 9 รายเมื่อปี 2553 ไม่ได้ไปบำเพ็ญประโยชน์ว่า โดยหลักการแล้วเมื่อศาลสั่ง กรมคุมประพฤติต้องเข้าไปดูแลผู้ที่ถูกศาลสั่งให้ทำตามคำสั่งศาล ซึ่งทั้งผู้ที่ถูกคำสั่งศาลและกรมคุมประพฤติต้องรับรู้ด้วยกันว่าต้องปฏิบัติอย่างไร
"เมื่อ น.ส.แพรวาอ้างว่าได้บำเพ็ญประโยชน์แล้ว แต่กรมคุมประพฤติไม่ได้รับทราบ ตรงนี้ถือเป็นปัญหา ซึ่งเขาอาจจะทำแล้วจริง ๆ ก็ได้ เพียงแต่มันไม่เข้าเงื่อนไขคำสั่งศาล ดังนั้นจากนี้ไปทางกรมคุมประพฤติต้องแก้ ปัญหา และหากน.ส.แพรวาต้องการบำเพ็ญประโยชน์อย่างอื่นที่ต่างจากคำสั่งศาลก็จะต้องรายงานมาที่กรมคุมประพฤติ ไม่ใช่อยากจะไปทำตรงไหนก็ได้ มันไม่ใช่"
ส่วนกรณีที่น.ส.แพรวา อ้างว่าถูกข่มขู่และถูกลวนลามนั้น พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า “อยากให้ชี้มาเลยว่าเป็นใคร ผมจะปลดให้ดู อย่าพูดลอย ๆ เพราะทำให้ข้าราชการดี ๆ เสียหาย ต้องกล้า ใครลวนลามแล้วผมไม่ ปลดหรือไม่ลงโทษ ค่อยมาตำหนิ ซึ่งผมได้สั่งให้ไปหาบุคคลที่ถูกกล่าวอ้างมาแล้ว เดี๋ยวจะลงโทษให้ดู”
"เมื่อ น.ส.แพรวาอ้างว่าได้บำเพ็ญประโยชน์แล้ว แต่กรมคุมประพฤติไม่ได้รับทราบ ตรงนี้ถือเป็นปัญหา ซึ่งเขาอาจจะทำแล้วจริง ๆ ก็ได้ เพียงแต่มันไม่เข้าเงื่อนไขคำสั่งศาล ดังนั้นจากนี้ไปทางกรมคุมประพฤติต้องแก้ ปัญหา และหากน.ส.แพรวาต้องการบำเพ็ญประโยชน์อย่างอื่นที่ต่างจากคำสั่งศาลก็จะต้องรายงานมาที่กรมคุมประพฤติ ไม่ใช่อยากจะไปทำตรงไหนก็ได้ มันไม่ใช่"
ส่วนกรณีที่น.ส.แพรวา อ้างว่าถูกข่มขู่และถูกลวนลามนั้น พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า “อยากให้ชี้มาเลยว่าเป็นใคร ผมจะปลดให้ดู อย่าพูดลอย ๆ เพราะทำให้ข้าราชการดี ๆ เสียหาย ต้องกล้า ใครลวนลามแล้วผมไม่ ปลดหรือไม่ลงโทษ ค่อยมาตำหนิ ซึ่งผมได้สั่งให้ไปหาบุคคลที่ถูกกล่าวอ้างมาแล้ว เดี๋ยวจะลงโทษให้ดู”