สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปิดลบเมื่อคืนนี้ (22 มี.ค.) ขณะที่ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวนเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์โจมตีในเบลเยียม นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันหลังจากสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนพ.ค. ปิดขยับลง 7 เซนต์ หรือ 0.2% แตะที่ 41.45 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค. ที่ตลาดลอนดอน ปิดบวก 25 เซนต์ หรือ 0.6% แตะที่ 41.79 ดอลลาร์/บาร์เรล
ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวน หลังจากเกิดเหตุการณ์ระเบิดที่สนามบินและสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินในกรุงบรัสเซลส์ของเบลเยียม ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 30 คน ขณะที่กลุ่มรัฐอิสลาม (IS) ได้ออกมาอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์โจมตีในครั้งนี้ โดยระบุว่านักรบของ IS ได้ระเบิดตัวเองด้วยการจุดชนวนระเบิดบนเข็มขัดพลีชีพ และยังได้ทำการระเบิดพลีชีพในสถานีรถไฟใต้ดินเช่นกัน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ยังได้รับแรงกดดันจากรายงานของ API ที่ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 18 มี.ค. พุ่งขึ้นเกือบ 8.8 ล้านบาร์เรล
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันอย่างเป็นทางการของรัฐบาลสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันนี้เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์ซึ่งได้รับการสำรวจโดย Platts ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 2.7 ล้านบาร์เรลในรอบสัปดาห์ดังกล่าว
นอกจากนี้ นักลงทุนยังติดตามดูความคืบหน้าของการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปก ซึ่งจะจัดขึ้นที่กาตาร์ในวันที่ 17 เม.ย. เพื่อหารือเกี่ยวกับการจำกัดการผลิตน้ำมัน
รายงานล่าสุดระบุว่า ลิเบียประกาศจะไม่เข้าร่วมการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันในวันที่ 17 เม.ย. ในขณะที่อิหร่านยืนยันว่าจะไม่เข้าร่วมประชุมด้วยเช่นกัน
นักวิเคราะห์มองว่า การที่ลิเบียและอิหร่านไม่เข้าร่วมการประชุมดังกล่าวนั้น จะลดประสิทธิภาพที่จะเกิดจากการประชุม ถึงแม้ว่าผลผลิตน้ำมันของลิเบียได้ปรับตัวลดลงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เนื่องจากปัญหาความไม่สงบภายในประเทศ
ด้านอิหร่านยืนยันมาโดยตลอดว่าต้องการเดินหน้าการผลิตน้ำมันเพื่อชดเชยกับส่วนที่ขาดหายไปในช่วงที่ถูกนานาชาติคว่ำบาตร โดยอิหร่านระบุว่าจะเข้าร่วมการประชุมเพื่อหารือการจำกัดการผลิตน้ำมัน ก็ต่อเมื่อสามารถผลิตน้ำมันแตะระดับ 4 ล้านบาร์เรล/วัน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนพ.ค. ปิดขยับลง 7 เซนต์ หรือ 0.2% แตะที่ 41.45 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค. ที่ตลาดลอนดอน ปิดบวก 25 เซนต์ หรือ 0.6% แตะที่ 41.79 ดอลลาร์/บาร์เรล
ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวน หลังจากเกิดเหตุการณ์ระเบิดที่สนามบินและสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินในกรุงบรัสเซลส์ของเบลเยียม ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 30 คน ขณะที่กลุ่มรัฐอิสลาม (IS) ได้ออกมาอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์โจมตีในครั้งนี้ โดยระบุว่านักรบของ IS ได้ระเบิดตัวเองด้วยการจุดชนวนระเบิดบนเข็มขัดพลีชีพ และยังได้ทำการระเบิดพลีชีพในสถานีรถไฟใต้ดินเช่นกัน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ยังได้รับแรงกดดันจากรายงานของ API ที่ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 18 มี.ค. พุ่งขึ้นเกือบ 8.8 ล้านบาร์เรล
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันอย่างเป็นทางการของรัฐบาลสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันนี้เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์ซึ่งได้รับการสำรวจโดย Platts ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 2.7 ล้านบาร์เรลในรอบสัปดาห์ดังกล่าว
นอกจากนี้ นักลงทุนยังติดตามดูความคืบหน้าของการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปก ซึ่งจะจัดขึ้นที่กาตาร์ในวันที่ 17 เม.ย. เพื่อหารือเกี่ยวกับการจำกัดการผลิตน้ำมัน
รายงานล่าสุดระบุว่า ลิเบียประกาศจะไม่เข้าร่วมการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันในวันที่ 17 เม.ย. ในขณะที่อิหร่านยืนยันว่าจะไม่เข้าร่วมประชุมด้วยเช่นกัน
นักวิเคราะห์มองว่า การที่ลิเบียและอิหร่านไม่เข้าร่วมการประชุมดังกล่าวนั้น จะลดประสิทธิภาพที่จะเกิดจากการประชุม ถึงแม้ว่าผลผลิตน้ำมันของลิเบียได้ปรับตัวลดลงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เนื่องจากปัญหาความไม่สงบภายในประเทศ
ด้านอิหร่านยืนยันมาโดยตลอดว่าต้องการเดินหน้าการผลิตน้ำมันเพื่อชดเชยกับส่วนที่ขาดหายไปในช่วงที่ถูกนานาชาติคว่ำบาตร โดยอิหร่านระบุว่าจะเข้าร่วมการประชุมเพื่อหารือการจำกัดการผลิตน้ำมัน ก็ต่อเมื่อสามารถผลิตน้ำมันแตะระดับ 4 ล้านบาร์เรล/วัน