นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ พร้อมด้วยนายถาวร เสนเนียม อดีตแกนนำ กปปส. เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านศูนย์บริการประชาชนสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้พิจารณาเรียกเก็บค่าเสียหายจากกรณีที่ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ได้ จากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต. ) และรัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่ใช่แกนนำและมวลชนของ กปปส.
นายเอกนัฏ กล่าวถึงกรณีที่ กกต. มีมติที่จะดำเนินการฟ้องร้องและเรียกเก็บค่าเสียหายจากอดีตแกนนำ กปปส. และกลุ่มผู้ชุมนุม จำนวนกว่า 2,400 ล้านบาท ว่า เป็นการตั้งข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ในขณะนั้นมีจุดประสงค์ชัดเจน คือต้องการให้เกิดการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งได้มีการส่งข้อเสนอให้รัฐบาลในขณะนั้นได้พิจารณาหลายครั้ง แต่อดีตรัฐบาลกลับไม่สนใจและยังคงร่วมกับ กกต. ที่จะเดินหน้าจัดการเลือกตั้ง ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ซึ่งต่อมาศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยว่าการจัดการเลือกตั้งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่งผลให้เกิดการฟ้องร้องเพื่อเก็บค่าเสียหายขึ้น
ทั้งนี้ ยืนยันว่า กปปส. และมวลชน ไม่มีเจตนาที่จะขัดขวางการเลือกตั้ง และการชุมนุมตลอดระยะเวลากว่า 204 วัน ก็เป็นไปอย่างสงบ สันติ และอหิงสา ดังนั้นเห็นว่า ผู้ที่ควรมีส่วนรับผิดชอบกับความเสียหายที่เกินขึ้น ควรจะเป็นอดีตรัฐบาล และ กกต. ไม่ใช่กลุ่ม กปปส.
นายเอกนัฏ กล่าวถึงกรณีที่ กกต. มีมติที่จะดำเนินการฟ้องร้องและเรียกเก็บค่าเสียหายจากอดีตแกนนำ กปปส. และกลุ่มผู้ชุมนุม จำนวนกว่า 2,400 ล้านบาท ว่า เป็นการตั้งข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ในขณะนั้นมีจุดประสงค์ชัดเจน คือต้องการให้เกิดการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งได้มีการส่งข้อเสนอให้รัฐบาลในขณะนั้นได้พิจารณาหลายครั้ง แต่อดีตรัฐบาลกลับไม่สนใจและยังคงร่วมกับ กกต. ที่จะเดินหน้าจัดการเลือกตั้ง ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ซึ่งต่อมาศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยว่าการจัดการเลือกตั้งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่งผลให้เกิดการฟ้องร้องเพื่อเก็บค่าเสียหายขึ้น
ทั้งนี้ ยืนยันว่า กปปส. และมวลชน ไม่มีเจตนาที่จะขัดขวางการเลือกตั้ง และการชุมนุมตลอดระยะเวลากว่า 204 วัน ก็เป็นไปอย่างสงบ สันติ และอหิงสา ดังนั้นเห็นว่า ผู้ที่ควรมีส่วนรับผิดชอบกับความเสียหายที่เกินขึ้น ควรจะเป็นอดีตรัฐบาล และ กกต. ไม่ใช่กลุ่ม กปปส.