นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงท่าทีของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และ รัฐบาล ที่จะส่งหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรถึงกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เกี่ยวกับการได้มาซึ่ง ส.ว. สรรหา ว่า นับเป็นเรื่องที่ดีที่ คสช.และรัฐบาล จะทำเป็นหนังสือ พร้อมเหตุผลอย่างเป็นทางการ ดีกว่าแอบสั่งด้วยวาจาเหมือนที่เคยสั่งนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานร่างรัฐธรรมนูญ ชุดที่แล้ว และควรเปิดเผยหนังสือให้สาธารณชนรับทราบ เพื่อที่สังคมจะได้พิจารณาไปพร้อมๆ กัน ว่าเหตุผลมีน้ำหนักเพียงพอหรือไม่อย่างไร
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เมื่อ กรธ.พิจารณาข้อเสนอเรื่อง ส.ว.สรรหาแล้ว ก็ควรเปิดเผยเหตุผลต่อสาธารณชนเช่นเดียวกันว่าจะรับข้อเสนอของ คสช. และรัฐบาล หรือไม่อย่างไร เพื่อประชาชนจะได้มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจได้ว่าควรรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญที่กำลังจะร่างเสร็จเรียบร้อยในวันที่ 29 มีนาคมนี้
ทั้งนี้ เชื่อว่า คสช. และรัฐบาล คงมีเจตนาดีต่อบ้านเมือง และคิดว่าบ้านเมืองจะเดินหน้าต่อไปได้ ต้องใช้วิธีการให้มี ส.ว.สรรหา 5 ปี แต่ คสช.และรัฐบาล ต้องพึงตระหนักเช่นเดียวกันว่า กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ และบุคคลอื่นๆ ก็มีเจตนาดีต่อบ้านเมือง และอยากเห็นบ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้ ก็อาจมีความเห็นต่างจาก คสช. และรัฐบาล ซึ่ง คสช.และรัฐบาล ก็ควรรับฟังด้วยเหตุด้วยผล ไม่ควรเอาความคิดของตนเป็นใหญ่ อย่าใช้อำนาจบาตรใหญ่ ซึ่งจะไม่ส่งผลดีต่อใครทั้งสิ้น
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เมื่อ กรธ.พิจารณาข้อเสนอเรื่อง ส.ว.สรรหาแล้ว ก็ควรเปิดเผยเหตุผลต่อสาธารณชนเช่นเดียวกันว่าจะรับข้อเสนอของ คสช. และรัฐบาล หรือไม่อย่างไร เพื่อประชาชนจะได้มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจได้ว่าควรรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญที่กำลังจะร่างเสร็จเรียบร้อยในวันที่ 29 มีนาคมนี้
ทั้งนี้ เชื่อว่า คสช. และรัฐบาล คงมีเจตนาดีต่อบ้านเมือง และคิดว่าบ้านเมืองจะเดินหน้าต่อไปได้ ต้องใช้วิธีการให้มี ส.ว.สรรหา 5 ปี แต่ คสช.และรัฐบาล ต้องพึงตระหนักเช่นเดียวกันว่า กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ และบุคคลอื่นๆ ก็มีเจตนาดีต่อบ้านเมือง และอยากเห็นบ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้ ก็อาจมีความเห็นต่างจาก คสช. และรัฐบาล ซึ่ง คสช.และรัฐบาล ก็ควรรับฟังด้วยเหตุด้วยผล ไม่ควรเอาความคิดของตนเป็นใหญ่ อย่าใช้อำนาจบาตรใหญ่ ซึ่งจะไม่ส่งผลดีต่อใครทั้งสิ้น
