ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (10 มี.ค.) ท่ามกลางภาวะการซื้อขายที่ผันผวน เนื่องจากกระแสตอบรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งรวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในการประชุมเมื่อวานนั้น ได้แผ่วลงในช่วงท้ายตลาด หลังจากนายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB ส่งสัญญาณว่าอาจจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในอนาคต
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,995.13 จุด ลดลง 5.23 จุด หรือ -0.03% ดัชนี แนสแด็ก ปิดที่ 4,662.16 จุด ลดลง 12.22 จุด หรือ -0.26% ดัชนีเอสแอนด์พี500 ปิดที่ 1,989.57 จุด เพิ่มขึ้น 0.31 จุด หรือ +0.02%
ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นขานรับข่าวการประกาศผ่อนคลายนโยบายการเงินครั้งใหญ่ของ ECB รวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร สู่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ จากระดับ 0.05% ก่อนหน้านี้ และได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB สู่ระดับ -0.4% จากเดิมที่ -0.3%
นอกจากนี้ ECB ยังได้ประกาศเพิ่มวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE สู่ระดับ 8 หมื่นล้านยูโร/เดือน จากเดิมที่ 6 หมื่นล้านยูโร/เดือน
อย่างไรก็ตาม กระแสตอบรับมาตรการดังกล่าวได้แผ่วลงในช่วงท้ายตลาด หลังจากนายดรากี ประธาน ECB ส่งสัญญาณว่าอาจจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในอนาคต
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลง 1.2% หลังจากมีข่าวว่า การประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศนอกกลุ่ม ซึ่งเดิมมีกำหนดจะประชุมกันในวันที่ 20 มี.ค.ที่รัสเซียนั้น มีแนวโน้มว่าจะถูกยกเลิก เนื่องจากอิหร่านไม่ได้แสดงความสนใจที่จะเข้าร่วมการประชุม
หุ้นวิลเลียมส์ คอส ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานรายใหญ่ ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวผันผวน โดยหุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ขยับลง 0.9% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ปรับตัวขึ้นกว่า 1%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลง โดยหุ้นไมโคซอฟท์ ดิ่งลง 1.5% หุ้นออราเคิล ร่วงลง 1.1% และหุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ปรับตัวลง 0.8%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนั้น กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 18,000 ราย สู่ระดับ 259,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 5 มี.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2015 โดยอยู่ต่ำกว่าระดับ 275,000 รายที่คาดการณ์ไว้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,995.13 จุด ลดลง 5.23 จุด หรือ -0.03% ดัชนี แนสแด็ก ปิดที่ 4,662.16 จุด ลดลง 12.22 จุด หรือ -0.26% ดัชนีเอสแอนด์พี500 ปิดที่ 1,989.57 จุด เพิ่มขึ้น 0.31 จุด หรือ +0.02%
ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นขานรับข่าวการประกาศผ่อนคลายนโยบายการเงินครั้งใหญ่ของ ECB รวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร สู่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ จากระดับ 0.05% ก่อนหน้านี้ และได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB สู่ระดับ -0.4% จากเดิมที่ -0.3%
นอกจากนี้ ECB ยังได้ประกาศเพิ่มวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE สู่ระดับ 8 หมื่นล้านยูโร/เดือน จากเดิมที่ 6 หมื่นล้านยูโร/เดือน
อย่างไรก็ตาม กระแสตอบรับมาตรการดังกล่าวได้แผ่วลงในช่วงท้ายตลาด หลังจากนายดรากี ประธาน ECB ส่งสัญญาณว่าอาจจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในอนาคต
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลง 1.2% หลังจากมีข่าวว่า การประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศนอกกลุ่ม ซึ่งเดิมมีกำหนดจะประชุมกันในวันที่ 20 มี.ค.ที่รัสเซียนั้น มีแนวโน้มว่าจะถูกยกเลิก เนื่องจากอิหร่านไม่ได้แสดงความสนใจที่จะเข้าร่วมการประชุม
หุ้นวิลเลียมส์ คอส ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานรายใหญ่ ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวผันผวน โดยหุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ขยับลง 0.9% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ปรับตัวขึ้นกว่า 1%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลง โดยหุ้นไมโคซอฟท์ ดิ่งลง 1.5% หุ้นออราเคิล ร่วงลง 1.1% และหุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ปรับตัวลง 0.8%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนั้น กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 18,000 ราย สู่ระดับ 259,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 5 มี.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2015 โดยอยู่ต่ำกว่าระดับ 275,000 รายที่คาดการณ์ไว้