นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากการประสานข้อมูลคุณภาพอากาศกับกรมควบคุมมลพิษ เช้าวันนี้ (10 มี.ค.) พบว่า 9 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน น่าน แพร่ พะเยา และตาก มีปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 10 ไมครอน (PM 10) เฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่าระหว่าง 51 – 114 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) มีค่าระหว่าง 76 – 110 ซึ่งคุณภาพอากาศในภาพรวมอยู่ในระดับปานกลางและมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยมี 2 จังหวัด คุณภาพอากาศเกินเกณฑ์มาตรฐานและอยู่ในระดับส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ ค่า PM10 51 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ค่า AQI 105 และจังหวัดแพร่ ค่า PM10 102 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ค่า AQI 110
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจึงได้ประสานจังหวัดให้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสถานการณ์และติดตามคุณภาพอากาศอย่างต่อเนื่อง สำหรับการให้ความช่วยเหลือได้สนับสนุนเครื่องจักรกลสาธารณภัยจากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตศูนย์ฯ เขตละ 2 คัน รวม 16 คัน พร้อมเจ้าหน้าที่ฉีดพ่นละอองน้ำเพื่อลดปริมาณหมอกควันที่จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือ โดยคำนึงถึงการบริหารจัดการน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค
นอกจากนี้ ได้ประสานจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือจัดเตรียมเครื่องมือ รถบรรทุกน้ำฉีดพ่นน้ำเพิ่มความชื้น และลดปริมาณฝุ่นละอองในอากาศ ตลอดจนบูรณาการทุกภาคส่วนสนธิกำลังระดมวัสดุอุปกรณ์ควบคุมไฟป่าและหมอกควัน พร้อมประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบผลกระทบของหมอกควันต่อสุขภาพอนามัยและติดตามข้อมูลข่าวสารคุณภาพอากาศ รวมทั้งปฏิบัติตามคำแนะนำโดยเคร่งครัด ขอความร่วมมือประชาชนงดเว้นการเผาขยะ เศษวัสดุทางการเกษตร เพื่อไม่ให้สถานการณ์หมอกควันวิกฤตมากขึ้น
สำหรับประชานชนที่อาศัยในพื้นที่ที่มีหมอกควันปกคลุม ควรใช้ผ้าเช็ดหน้าหรือหน้ากากอนามัยปิดปากและจมูกทุกครั้งที่ออกนอกบ้าน เพื่อป้องกันการสูดดมฝุ่นละอองเข้าสู่ร่างกาย ส่วนผู้ขับขี่ให้เพิ่มความระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนนเป็นพิเศษ เพราะทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทางอยู่ในระดับต่ำ ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาหมอกควัน สามารถติดต่อได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 เพื่อประสานแก้ไขปัญหาโดยด่วนต่อไป
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจึงได้ประสานจังหวัดให้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสถานการณ์และติดตามคุณภาพอากาศอย่างต่อเนื่อง สำหรับการให้ความช่วยเหลือได้สนับสนุนเครื่องจักรกลสาธารณภัยจากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตศูนย์ฯ เขตละ 2 คัน รวม 16 คัน พร้อมเจ้าหน้าที่ฉีดพ่นละอองน้ำเพื่อลดปริมาณหมอกควันที่จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือ โดยคำนึงถึงการบริหารจัดการน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค
นอกจากนี้ ได้ประสานจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือจัดเตรียมเครื่องมือ รถบรรทุกน้ำฉีดพ่นน้ำเพิ่มความชื้น และลดปริมาณฝุ่นละอองในอากาศ ตลอดจนบูรณาการทุกภาคส่วนสนธิกำลังระดมวัสดุอุปกรณ์ควบคุมไฟป่าและหมอกควัน พร้อมประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบผลกระทบของหมอกควันต่อสุขภาพอนามัยและติดตามข้อมูลข่าวสารคุณภาพอากาศ รวมทั้งปฏิบัติตามคำแนะนำโดยเคร่งครัด ขอความร่วมมือประชาชนงดเว้นการเผาขยะ เศษวัสดุทางการเกษตร เพื่อไม่ให้สถานการณ์หมอกควันวิกฤตมากขึ้น
สำหรับประชานชนที่อาศัยในพื้นที่ที่มีหมอกควันปกคลุม ควรใช้ผ้าเช็ดหน้าหรือหน้ากากอนามัยปิดปากและจมูกทุกครั้งที่ออกนอกบ้าน เพื่อป้องกันการสูดดมฝุ่นละอองเข้าสู่ร่างกาย ส่วนผู้ขับขี่ให้เพิ่มความระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนนเป็นพิเศษ เพราะทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทางอยู่ในระดับต่ำ ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาหมอกควัน สามารถติดต่อได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 เพื่อประสานแก้ไขปัญหาโดยด่วนต่อไป