นายนิตินัย ศิริสมรรถการ ผู้อำนวยการใหญ่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. กล่าวว่าปี 2558 ท่าอากาศยานดอนเมือง มีเที่ยวบินลงจอดเฉลี่ย 620 เที่ยวบินต่อวัน รองรับผู้โดยสารเฉลี่ย 82,000 คนต่อวัน หรือประมาณ 29 ล้านคน ซึ่งเกินขีดความสามารถของท่าอากาศยาน จึงต้องเปิดให้บริการอาคารผู้โดยสาร อาคาร 2 เพิ่มเติม
สำหรับให้บริการผู้โดยสารภายในประเทศ เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2558 ทำให้ปัจจุบันสามารถรับผู้โดยสารได้ประมาณ 100,000 คนต่อวัน แต่มีกำหนดเปิดใช้อย่างเป็นทางการในวันนี้ ซึ่งตรงกับวันครบรอบ 102 ปี การดำเนินงานของท่าอากาศยานดอนเมือง โดยมีการปรับปรุงภายในอาคารพร้อมติดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกเสร็จสิ้นแล้ว คือ ระบบการตรวจกระเป๋าสัมภาระระบบใหม่ Inline Baggage Screening System ซึ่งผู้โดยสารไม่จำเป็นต้องผ่านขั้นตอนการนำกระเป๋าเข้าเครื่องเอ็กซเรย์ก่อนเข้ากระบวนการตรวจบัตรโดยสาร หรือการเช็คอิน โดยผู้โดยสารสามารถเช็คอินที่เคาน์เตอร์ตรวจบัตรโดยสารของสายการบินได้เลย จากนั้นกระเป๋าสัมภาระจะถูกวางลงสายพานลำเลียงกระเป๋าสู่ห้องตรวจสัมภาระ และผู้โดยสารสามารถตรวจดูกระเป๋าของตัวเองผ่านจอโทรทัศน์วงจรปิดที่หน้าห้องตรวจสัมภาระ หากพบว่ามีวัตถุต้องสงสัยกระเป๋าจะถูกนำออกจากสายพานเพื่อให้ผู้โดยสารเปิดกระเป๋าเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบต่อไป
ทั้งนี้ ในปี 2558 CAPA Centre for Aviation จัดอันดับให้ท่าอากาศยานดอนเมืองเป็นท่าอากาศยานที่มีผู้โดยสารสายการบินต้นทุนต่ำมาใช้บริการมากที่สุดในโลก ซึ่งจากแนวโน้มการจราจรทางอากาศที่มีทิศทางเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทอท.จึงมีแผนจะดำเนินการปรับปรุงอาคารผู้โดยสารอาคาร1 ให้มีประสิทธิภาพและทันสมัยมากยิ่งขึ้น รวมทั้งมีโครงการพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมือง ระยะ3 ประกอบด้วย การปรับปรุงอาคารผู้โดยสารภายในประเทศหลังเดิม ห่อสร้างอาคาร Junction Terminal โดยจะมีทางเชื่อมระหว่างตัวอาคารกับสถานีรถไฟฟ้าดอนเมือง และก่อสร้างอาคารจอดรถเพื่อรองรับรถยนต์ได้อีกกว่า 3,000 คัน คาดว่าเมื่อดำเนินการแล้วเสร็จจะเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารได้เป็น 50 ล้านคนต่อปี
สำหรับให้บริการผู้โดยสารภายในประเทศ เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2558 ทำให้ปัจจุบันสามารถรับผู้โดยสารได้ประมาณ 100,000 คนต่อวัน แต่มีกำหนดเปิดใช้อย่างเป็นทางการในวันนี้ ซึ่งตรงกับวันครบรอบ 102 ปี การดำเนินงานของท่าอากาศยานดอนเมือง โดยมีการปรับปรุงภายในอาคารพร้อมติดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกเสร็จสิ้นแล้ว คือ ระบบการตรวจกระเป๋าสัมภาระระบบใหม่ Inline Baggage Screening System ซึ่งผู้โดยสารไม่จำเป็นต้องผ่านขั้นตอนการนำกระเป๋าเข้าเครื่องเอ็กซเรย์ก่อนเข้ากระบวนการตรวจบัตรโดยสาร หรือการเช็คอิน โดยผู้โดยสารสามารถเช็คอินที่เคาน์เตอร์ตรวจบัตรโดยสารของสายการบินได้เลย จากนั้นกระเป๋าสัมภาระจะถูกวางลงสายพานลำเลียงกระเป๋าสู่ห้องตรวจสัมภาระ และผู้โดยสารสามารถตรวจดูกระเป๋าของตัวเองผ่านจอโทรทัศน์วงจรปิดที่หน้าห้องตรวจสัมภาระ หากพบว่ามีวัตถุต้องสงสัยกระเป๋าจะถูกนำออกจากสายพานเพื่อให้ผู้โดยสารเปิดกระเป๋าเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบต่อไป
ทั้งนี้ ในปี 2558 CAPA Centre for Aviation จัดอันดับให้ท่าอากาศยานดอนเมืองเป็นท่าอากาศยานที่มีผู้โดยสารสายการบินต้นทุนต่ำมาใช้บริการมากที่สุดในโลก ซึ่งจากแนวโน้มการจราจรทางอากาศที่มีทิศทางเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทอท.จึงมีแผนจะดำเนินการปรับปรุงอาคารผู้โดยสารอาคาร1 ให้มีประสิทธิภาพและทันสมัยมากยิ่งขึ้น รวมทั้งมีโครงการพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมือง ระยะ3 ประกอบด้วย การปรับปรุงอาคารผู้โดยสารภายในประเทศหลังเดิม ห่อสร้างอาคาร Junction Terminal โดยจะมีทางเชื่อมระหว่างตัวอาคารกับสถานีรถไฟฟ้าดอนเมือง และก่อสร้างอาคารจอดรถเพื่อรองรับรถยนต์ได้อีกกว่า 3,000 คัน คาดว่าเมื่อดำเนินการแล้วเสร็จจะเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารได้เป็น 50 ล้านคนต่อปี