นายธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการและโฆษกคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลได้เริ่มจำหน่ายสลากจำนวน 120 ล้านฉบับต่องวด ตั้งแต่งวดวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ดังนั้นจึงต้องประเมินผลความต้องการของตลาดจากผู้ซื้อสลากประมาณ 3 เดือน เพื่อพิจารณายอดความต้องการซื้อที่แท้จริง จากนั้นจะเสนอคณะกรรมการสลากฯ ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การพิมพ์สลากในแต่ละงวดในช่วงเดือนเมษายนนี้ ขณะนี้ถือว่าเป็นช่วงเวลาในการปรับตัวของตลาด เพื่อเข้าสู่จุดสมดุลย์ ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย
สำหรับการตัดสินใจพิมพ์สลากเพิ่มเข้าไปในระบบ 20 ล้านฉบับในช่วงแรก ส่งผลให้ผู้ค้าสามารถเข้าไปในระบบซื้อ-จองสลากผ่านธนาคารกรุงไทยได้เพิ่มเป็นกว่า 60,000 คน จากเดิมเข้าไปในระบบซื้อ-จองได้เพียง 22,000 คน ทำให้ผู้ค้าหน้าใหม่มีจำนวนเพิ่มขึ้น แต่อาจกระทบต่อความสามารถในการจำหน่าย และไม่ได้ประเมินกำลังซื้อของประชาชน อีกทั้งมีผู้จองซื้อบางส่วนที่ตั้งใจจะจองซื้อเพื่อนำมาขายต่อ แต่กระบวนการจำหน่ายปัจจุบันผู้ค้าสามารถเข้าถึงสลากได้เท่าเทียมกันมากขึ้น แต่ยังต้องเจอกับปัญหาสลากล้นตลาด ดังนั้นในการจองซื้อสลากงวดถัดไปในวันที่ 3-5 มีนาคมนี้ ผู้ค้าต้องประเมินความสามารถในการจำหน่ายให้สอดคล้องกับการจองซื้อด้วย
สำหรับการตัดสินใจพิมพ์สลากเพิ่มเข้าไปในระบบ 20 ล้านฉบับในช่วงแรก ส่งผลให้ผู้ค้าสามารถเข้าไปในระบบซื้อ-จองสลากผ่านธนาคารกรุงไทยได้เพิ่มเป็นกว่า 60,000 คน จากเดิมเข้าไปในระบบซื้อ-จองได้เพียง 22,000 คน ทำให้ผู้ค้าหน้าใหม่มีจำนวนเพิ่มขึ้น แต่อาจกระทบต่อความสามารถในการจำหน่าย และไม่ได้ประเมินกำลังซื้อของประชาชน อีกทั้งมีผู้จองซื้อบางส่วนที่ตั้งใจจะจองซื้อเพื่อนำมาขายต่อ แต่กระบวนการจำหน่ายปัจจุบันผู้ค้าสามารถเข้าถึงสลากได้เท่าเทียมกันมากขึ้น แต่ยังต้องเจอกับปัญหาสลากล้นตลาด ดังนั้นในการจองซื้อสลากงวดถัดไปในวันที่ 3-5 มีนาคมนี้ ผู้ค้าต้องประเมินความสามารถในการจำหน่ายให้สอดคล้องกับการจองซื้อด้วย
