นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ช่วงไตรมาสแรกของปี 2559 สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ คาดว่า จะมีมูลค่าคำขอรับการส่งเสริมการลงทุน 8,000 - 1 แสนล้านบาท โดยส่วนใหญ่อยู่ใน 10 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น กิจการผลิตยานยนต์และชิ้นส่วน กิจการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ กิจการผลิตเครื่องมือแพทย์ กิจการผลิตอากาศยาน กิจการผลิตหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ โดยเป็นการลงทุนจากนักลงทุนประเทศญี่ปุ่น ยุโรป และสหรัฐฯ รวมประมาณ 3 หมื่นล้านบาท และอีก 2 หมื่นล้านบาท อยู่ในอุตสาหกรรม โลจิสติกส์
ขณะที่ยอดขอรับการส่งเสริมเดือน มกราคม 2559 มีจำนวน 90 โครงการ เงินลงทุน 20,510 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 12,990 ล้านบาท โดยจำนวนนี้เป็นการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ หรือ FDI เกือบ 8,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 39 ของมูลค่าคำขอทั้งหมด
นายสมคิด กล่าวด้วยว่า การประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ในวันนี้ (29 ก.พ.) จะมีการพิจารณาโครงการต่างๆ ตามนโยบายคลัสเตอร์ ซึ่งจะเน้นกลุ่มผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง นอกจากนี้ รัฐบาลกำลังเจรจากับผู้ผลิตอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ของโลกให้มาตั้งเทคนิคอล เซ็นเตอร์ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนสูงกว่า 2 หมื่นล้านบาท
ขณะที่ยอดขอรับการส่งเสริมเดือน มกราคม 2559 มีจำนวน 90 โครงการ เงินลงทุน 20,510 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 12,990 ล้านบาท โดยจำนวนนี้เป็นการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ หรือ FDI เกือบ 8,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 39 ของมูลค่าคำขอทั้งหมด
นายสมคิด กล่าวด้วยว่า การประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ในวันนี้ (29 ก.พ.) จะมีการพิจารณาโครงการต่างๆ ตามนโยบายคลัสเตอร์ ซึ่งจะเน้นกลุ่มผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง นอกจากนี้ รัฐบาลกำลังเจรจากับผู้ผลิตอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ของโลกให้มาตั้งเทคนิคอล เซ็นเตอร์ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนสูงกว่า 2 หมื่นล้านบาท