นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ขณะนี้ใกล้ได้ข้อสรุปในเรื่องการปรับโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งคาดว่าน่าจะมีการเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี(ครม.) ในช่วงเดือนมีนาคม 2559 นี้ ซึ่งกรมยังยืนยันในหลักการปรับปรุงภาษีดังกล่าวว่าผู้เสียภาษีทุกได้จะได้ประโยชน์ โดยคนรายได้น้อยสบายมากขึ้น ส่วนคนรวยยิ้มได้ ซึ่งในเบื้องต้นเพิ่มการหักค่าใช้จ่ายส่วนบุคคลจาก 6 หมื่นบาท เป็น 1-1.2 แสนบาท รวมถึงจะมีการปรับปรุงขั้นการเสียภาษีใหม่จาก 7 ขั้น และปรับปรุงรายได้ในแต่ละขั้นใหม่ ซึ่งการปรับโครงสร้างภาษีครั้งนี้จะทำให้กรมสูญเสียรายได้หลายหมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ มีความตั้งใจที่จะประกาศใช้โครงสร้างใหม่ในปีภาษี 2560 โดยในส่วนของอัตราภาษีสูงสุดที่กำหนดไว้ 35% สำหรับผู้มีรายได้สุทธิเกินกว่า 4 ล้านบาทนั้น จะมีการปรับหรือไม่ ขึ้นอยู่กับครม. คงเปิดเผยรายละเอียดมากไม่ได้ ต้องรอให้ผ่านครม.ก่อน อย่างไรก็ตาม ไม่อยากให้ไปนำไปเปรียบเทียบกับภาษีเงินนิติบุคคลที่เก็บสูงสุด 20% ที่หากนำไปรวมกับเงินปันผลอีก 8% จะทำให้ภาษีรวมของเงินได้นิติบุคคลสูงสุดที่ 28% ถือว่าต่ำกว่าภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่เก็บอัตราสูงสุด 35% ถ้าเทียบอัตราสูงสุดกับสูงสุดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจะสูงกว่า แต่ต้องไม่ลืมว่าในการเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดานั้นคิดแบบขั้นบันไดของรายได้ถึง 7 ขั้น รวมถึงบุคคลธรรมดายังมีการลดหย่อนมากกว่าไม่เหมือนกับเงินได้นิติบุคคล ดังนั้นต้องนำการลดหย่อนในทุกส่วนมาพิจารณาด้วย
อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2559 ได้มีประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาต่ออายุการลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาออกไป 1 ปี ในปีภาษี 2559 ซึ่งเป็นผลจากก่อนนี้รัฐบาลชุดก่อนได้ออกเป็นพระราชกฤษฎีกาประกาศลดภาษีเหลือ 35% จากเคยเก็บ 37% และปรับขั้นของการเสียภาษีเป็น 7 ขั้นจากเดิม 5 ขั้น หากจะให้ลดภาษีถาวรต้องแก้ไขพระราชบัญญัติประมวลรัษฎากร ซึ่งเมื่อต้องแก้ไขกฎหมายกรมเลยขอปรับโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไปด้วย เนื่องจากต้องการให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน
ปัจจุบันเงินได้สุทธิ 1 บาท จนถึง 150,000 บาท ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ และเงินได้สุทธิที่มากกว่า 150,000 บาท จะเสียภาษีตามอัตราขั้นบันใด ตั้งแต่ 5,10,15,20,25,30,35
ทั้งนี้ มีความตั้งใจที่จะประกาศใช้โครงสร้างใหม่ในปีภาษี 2560 โดยในส่วนของอัตราภาษีสูงสุดที่กำหนดไว้ 35% สำหรับผู้มีรายได้สุทธิเกินกว่า 4 ล้านบาทนั้น จะมีการปรับหรือไม่ ขึ้นอยู่กับครม. คงเปิดเผยรายละเอียดมากไม่ได้ ต้องรอให้ผ่านครม.ก่อน อย่างไรก็ตาม ไม่อยากให้ไปนำไปเปรียบเทียบกับภาษีเงินนิติบุคคลที่เก็บสูงสุด 20% ที่หากนำไปรวมกับเงินปันผลอีก 8% จะทำให้ภาษีรวมของเงินได้นิติบุคคลสูงสุดที่ 28% ถือว่าต่ำกว่าภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่เก็บอัตราสูงสุด 35% ถ้าเทียบอัตราสูงสุดกับสูงสุดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจะสูงกว่า แต่ต้องไม่ลืมว่าในการเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดานั้นคิดแบบขั้นบันไดของรายได้ถึง 7 ขั้น รวมถึงบุคคลธรรมดายังมีการลดหย่อนมากกว่าไม่เหมือนกับเงินได้นิติบุคคล ดังนั้นต้องนำการลดหย่อนในทุกส่วนมาพิจารณาด้วย
อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2559 ได้มีประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาต่ออายุการลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาออกไป 1 ปี ในปีภาษี 2559 ซึ่งเป็นผลจากก่อนนี้รัฐบาลชุดก่อนได้ออกเป็นพระราชกฤษฎีกาประกาศลดภาษีเหลือ 35% จากเคยเก็บ 37% และปรับขั้นของการเสียภาษีเป็น 7 ขั้นจากเดิม 5 ขั้น หากจะให้ลดภาษีถาวรต้องแก้ไขพระราชบัญญัติประมวลรัษฎากร ซึ่งเมื่อต้องแก้ไขกฎหมายกรมเลยขอปรับโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไปด้วย เนื่องจากต้องการให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน
ปัจจุบันเงินได้สุทธิ 1 บาท จนถึง 150,000 บาท ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ และเงินได้สุทธิที่มากกว่า 150,000 บาท จะเสียภาษีตามอัตราขั้นบันใด ตั้งแต่ 5,10,15,20,25,30,35
