กรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) แถลงผลตรวจสอบการครอบครองรถยนต์เมอร์เซเดสเบนซ์ ของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ในฐานะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ซึ่งพบว่าผิดกฎหมายทุกขั้นตอน ตั้งแต่การนำเข้า ประกอบ จ่ายภาษี จดทะเบียน และมีผู้เกี่ยวข้องจำนวนมาก
พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) กล่าวว่า ตามขั้นตอน เมื่อทราบว่าเป็นรถผิดกฏหมายก็ต้องยึดไว้เป็นของกลาง โดยในวันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์นี้ ตนจะลงนามคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนอย่างเป็นทางการ ซึ่งมี พ.ต.ท.อนุรักษ์ โรจนนิรันดร์กิจ ผบ.สำนักคดีภาษีอากร เป็นหัวหน้าชุด พร้อมกันนี้จะมีหนังสือแจ้งผลการสืบสวนทั้งหมดไปยังวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ และขอนัดเข้าสอบปากคำสมเด็จช่วง เกี่ยวกับรายละเอียดในการครอบครองรถ และการเซ็นต์ซื่อในเอกสารการโอนรถยนต์
อย่างไรก็ตามในช่วงวันหยุดยาวนี้จะไม่มีการส่งเจ้าหน้าที่ไปรับรถคันดังกล่าวที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เนื่องจากสมเด็จช่วง ถือเป็นพระชั้นผู้ใหญ่ การดำเนินการต้องเป็นไปอย่างสมเกียรติ แต่หากสมเด็จช่วงประสงค์จะส่งมอบรถของกลางให้ดีเอสไอโดยเร็วก็สามารถประสานมาที่พนักงานสอบสวน ซึ่งพร้อมดำเนินการเข้าไปรับรถได้ทันที
ด้านนายศุภภัทร์พจน์ นิติศศธร ฝ่ายกฏหมายวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กทม. กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวสมเด็จช่วง เปรยกับคนใกล้ชิดว่าไม่ประสงค์จะรับรถยนต์ไว้อีกแล้วว่า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ขณะนี้ยืนยันว่าเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น ต่อข้อถามว่าดีเอสไอระบุว่าการสืบสวนพบว่ารถเบนซ์ที่สมเด็จช่วงครอบครองเป็นรถผิดกฏหมาย จึงต้องยึดรถไว้เป็นของกลางนั้น ทางวัดฯ จะดำเนินการอย่างไร นายศุภภัทร์พจน์ กล่าวว่า ทราบมาว่าในการแถลงข่าวทางดีเอสไอบอกว่าผลการสอบออกมาถูกหรือไม่ถูก ก็จะมาพบสมเด็จช่วง เพื่อสอบปากคำที่วัดปากน้ำเอง ดังนั้น ทางฝ่ายกฏหมายของวัดฯ ก็จะรอให้ทางเจ้าหน้าที่ของดีเอสไอเป็นฝ่ายติดต่อมาก่อน ต้องให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความเห็นมาว่าจะให้เราดำเนินการอย่างไร ทางวัดฯ ก็จะดำเนินการไปตามนั้น
นายศุภภัทร์พจน์ ยืนยันว่า ทางวัดฯ ไม่มีปัญหาที่จะปฏิบัติตามขั้นตอนกฏหมาย เพราะที่ผ่านมาก็ได้ยืนยันมาโดยตลอดว่าสมเด็จช่วงครอบครองรถโดยที่ไม่รู้ว่าเป็นรถผิดกฏหมาย วัดปากน้ำจะไม่ส่งมอบรถให้กับทางดีเอสไอก่อนที่จะติดต่อมาว่าจะให้ดำเนินการอย่างไร เพราะมองว่าไม่ได้ส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ของสมเด็จช่วง แต่ถ้าคืนรถคันดังกล่าวให้ดีเอสไอก่อนที่จะแจ้งเป็นทางการว่าให้ทำอย่างไร ก็จะยิ่งเท่ากับยอมรับว่าทำผิด ทั้งที่ท่านไม่ได้มีความผิดแต่อย่างใด
ขณะที่ พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีการส่งข้อความผ่านโทรศัพท์มือถือในกลุ่มพระสงฆ์ เพื่อนัดหมายให้มารวมตัวกันในเวลา 09.30 น. วันที่ 22 กุมภาพันธ์ ซึ่งตรงกับวันมาฆบูชา ที่สนามหลวงกับพุทธมณฑล จ.นครปฐม จากนั้นจะเดินทางไปรวมตัวกันหน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อแสดงสังฆามติ เกี่ยวกับสถานการณ์ของคณะสงฆ์ และพระพุทธศาสนาในปัจจุบันว่า ตนได้รับรายงานจากผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ว่า จะมีกลุ่มพระสงฆ์เดินทางมารวมตัวกันจัดกิจกรรมในวันมาฆบูชา ซึ่งเป็นการมารวมตัวนั่งวิปัสนา สวดมนต์ ทำกิจกรรมสงฆ์ แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อความไม่ประมาท จึงได้มีการเตรียมกำลังทั้งตำรวจท้องที่ชุดสืบสวน และหน่วยปราบจราจล ดูแลพื้นที่โดยรอบพุทธมณฑล จ.นครปฐม และไม่อนุญาตให้นำรถยนต์เข้าไปด้านใน
พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) กล่าวว่า ตามขั้นตอน เมื่อทราบว่าเป็นรถผิดกฏหมายก็ต้องยึดไว้เป็นของกลาง โดยในวันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์นี้ ตนจะลงนามคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนอย่างเป็นทางการ ซึ่งมี พ.ต.ท.อนุรักษ์ โรจนนิรันดร์กิจ ผบ.สำนักคดีภาษีอากร เป็นหัวหน้าชุด พร้อมกันนี้จะมีหนังสือแจ้งผลการสืบสวนทั้งหมดไปยังวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ และขอนัดเข้าสอบปากคำสมเด็จช่วง เกี่ยวกับรายละเอียดในการครอบครองรถ และการเซ็นต์ซื่อในเอกสารการโอนรถยนต์
อย่างไรก็ตามในช่วงวันหยุดยาวนี้จะไม่มีการส่งเจ้าหน้าที่ไปรับรถคันดังกล่าวที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เนื่องจากสมเด็จช่วง ถือเป็นพระชั้นผู้ใหญ่ การดำเนินการต้องเป็นไปอย่างสมเกียรติ แต่หากสมเด็จช่วงประสงค์จะส่งมอบรถของกลางให้ดีเอสไอโดยเร็วก็สามารถประสานมาที่พนักงานสอบสวน ซึ่งพร้อมดำเนินการเข้าไปรับรถได้ทันที
ด้านนายศุภภัทร์พจน์ นิติศศธร ฝ่ายกฏหมายวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กทม. กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวสมเด็จช่วง เปรยกับคนใกล้ชิดว่าไม่ประสงค์จะรับรถยนต์ไว้อีกแล้วว่า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ขณะนี้ยืนยันว่าเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น ต่อข้อถามว่าดีเอสไอระบุว่าการสืบสวนพบว่ารถเบนซ์ที่สมเด็จช่วงครอบครองเป็นรถผิดกฏหมาย จึงต้องยึดรถไว้เป็นของกลางนั้น ทางวัดฯ จะดำเนินการอย่างไร นายศุภภัทร์พจน์ กล่าวว่า ทราบมาว่าในการแถลงข่าวทางดีเอสไอบอกว่าผลการสอบออกมาถูกหรือไม่ถูก ก็จะมาพบสมเด็จช่วง เพื่อสอบปากคำที่วัดปากน้ำเอง ดังนั้น ทางฝ่ายกฏหมายของวัดฯ ก็จะรอให้ทางเจ้าหน้าที่ของดีเอสไอเป็นฝ่ายติดต่อมาก่อน ต้องให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความเห็นมาว่าจะให้เราดำเนินการอย่างไร ทางวัดฯ ก็จะดำเนินการไปตามนั้น
นายศุภภัทร์พจน์ ยืนยันว่า ทางวัดฯ ไม่มีปัญหาที่จะปฏิบัติตามขั้นตอนกฏหมาย เพราะที่ผ่านมาก็ได้ยืนยันมาโดยตลอดว่าสมเด็จช่วงครอบครองรถโดยที่ไม่รู้ว่าเป็นรถผิดกฏหมาย วัดปากน้ำจะไม่ส่งมอบรถให้กับทางดีเอสไอก่อนที่จะติดต่อมาว่าจะให้ดำเนินการอย่างไร เพราะมองว่าไม่ได้ส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ของสมเด็จช่วง แต่ถ้าคืนรถคันดังกล่าวให้ดีเอสไอก่อนที่จะแจ้งเป็นทางการว่าให้ทำอย่างไร ก็จะยิ่งเท่ากับยอมรับว่าทำผิด ทั้งที่ท่านไม่ได้มีความผิดแต่อย่างใด
ขณะที่ พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีการส่งข้อความผ่านโทรศัพท์มือถือในกลุ่มพระสงฆ์ เพื่อนัดหมายให้มารวมตัวกันในเวลา 09.30 น. วันที่ 22 กุมภาพันธ์ ซึ่งตรงกับวันมาฆบูชา ที่สนามหลวงกับพุทธมณฑล จ.นครปฐม จากนั้นจะเดินทางไปรวมตัวกันหน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อแสดงสังฆามติ เกี่ยวกับสถานการณ์ของคณะสงฆ์ และพระพุทธศาสนาในปัจจุบันว่า ตนได้รับรายงานจากผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ว่า จะมีกลุ่มพระสงฆ์เดินทางมารวมตัวกันจัดกิจกรรมในวันมาฆบูชา ซึ่งเป็นการมารวมตัวนั่งวิปัสนา สวดมนต์ ทำกิจกรรมสงฆ์ แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อความไม่ประมาท จึงได้มีการเตรียมกำลังทั้งตำรวจท้องที่ชุดสืบสวน และหน่วยปราบจราจล ดูแลพื้นที่โดยรอบพุทธมณฑล จ.นครปฐม และไม่อนุญาตให้นำรถยนต์เข้าไปด้านใน