xs
xsm
sm
md
lg

DSI คาดสรุปผล"สมเด็จช่วง"ครอบครองรถหรูผิดหรือไม่ใน 2-3 เดือนนี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เปิดเผยว่า ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าผู้ที่ครอบครองรถคือ สมเด็จช่วง มีความผิดตามกฏหมายหรือไม่ หลังจากนี้จะสอบสวนอีกครั้ง โดยจะสอบถามว่ารถยนต์คันดังกล่าวได้มาอย่างไร ซื้อมาจากไหน และมีราคาเท่าไหร่ กระบวนการซื้อทั้งหมดเป็นอย่างไรมีหลักฐานหรือไม่ และจะนำมาสรุปอีกครั้งว่าตรงกับข้อมูลที่ดีเอสไอได้รับมาหรือไม่ คาดว่าจะใช้เวลาในการตรวจสอบภายใน 2-3 เดือนนี้ จึงจะแล้วเสร็จ ซึ่งอธิบดีดีเอสไอ ยืนยันว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย กระบวนการตรวจสอบเป็นเพราะมีคนร้องเรียนเข้ามาจึงรับเป็นคดีพิเศษ และขั้นตอนการสอบสวนทำตามหลักการและตรงไปตรงมา สามารถตรวจสอบตามความเป็นจริงได้
สำหรับรถจดประกอบคันดังกล่าวนี้ จะยังคงอยู่ในการครอบครองของสมเด็จช่วง จนกว่ากระบวนการสอบสวนจะแล้วเสร็จ จากการตรวจสอบใน 4 ขั้นตอนหลัก คือ ขั้นตอนการนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์ พบว่า ห้างหุ่นส่วนจำกัด อ๊อด 89 เอ็นเตอร์ไพรส์ เป็นผู้นำเข้า อะไหล่รถยนต์บางส่วน จากนั้นในขั้นตอนการจดประกอบขึ้นเป็นชิ้นส่วนรถสมบูรณ์ พบหลักฐานว่า หจก.อ๊อดฯ ได้ร่วมกับอู่วิชาญเป็นผู้ประกอบรถยนต์จากเครื่องยนต์ เป็นไปตามกับการสั่งซื้อของ หลวงพี่แป๊ะ หรือ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ในจำนวน 4 ล้านบาท ซึ่งจากการสืบสวนพบว่าอู่วิชาญไม่มีใบอนุญาตประกอบอุตสาหกรรมและไม่มีการขึ้นทะเบียนที่ถูกต้องกับกรมสรรพสามิต
ส่วนขั้นตอนการชำระภาษีกรมสรรพสามิต พบหลักฐานว่า นายชลัช เป็นผู้ดำเนินการนำเอกสารชุดประกอบรถยนต์ดังกล่าวไปชำระภาษีฯ โดยการปลอมลายมือชื่อนางกาญจนา เจ้าของอู่ N.P. การาจ แสดงตนเพื่อขอชำระภาษีประกอบรถยนต์ ปลอมลายมือในหนังสือมอบอำนาจ ซึ่งให้นายชลัชเป็นผู้รับมอบอำนาจจากนางกาญจนา และยื่นเอกสารขอจดแจ้งในการประกอบรถยนต์ ซึ่งพนักงานสอบสวนตรวจสอบพบว่านางกาญจนา มีโรงประกอบรถยนต์ที่จดทะเบียนกับกรมสรรพสามิตอย่างถูกต้อง แต่นางกาญจนาไม่ได้เป็นผู้จดประกอบรถคันนี้ แค่เป็นการแอบอ้างชื่อ ซึ่งใน 3 ขั้นตอนดังกล่าวแต่ละขั้นตอนมีความผิดข้อหาต่างกัน
สำหรับขั้นตอนการจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกพบหลักฐานว่านายชลัชได้ว่าจ้างให้นายสมนึก นำรถยนต์ไปจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกโดยมีการปลอมและใช้เอกสารที่มีลายมือชื่อของนางกาญจนาในแบบคำขอโอนและรับโอนของกรมการขนส่งทางบก จากนางกาญจนาไปยังสมเด็จช่วง หรือที่เรียกว่าการโอนลอยเพื่อแสดงว่าบริษัทของนางกาญจนาเป็นผู้ขายรถยนต์ต่อให้สมเด็จช่วง ซึ่งในขั้นตอนนี้นายสมนึกเปรียบเสมือนคนรับจ้างจดทะเบียน โดยมีการชี้แจงจากนายสมนึกว่าเอกสารต่างๆที่ได้รับมามีลายเซนต์ของสมเด็จช่วงตั้งแต่ต้น ทั้งนี้ดีเอสไอจึงเห็นว่าขั้นตอนการนำเข้าการประกอบรถยนต์ การเสียภาษีกรมสรรพสามิต การจดทะเบียนกับกรมขนส่งทางบก ไม่ชอบด้วยกฏหมาย โดยมีความผิดตาม พ.ร.บ.กรมศุลกากร พ.ร.บ.กรมสรรพสามิต และความผิดทางกฏหมายอาญา การปลอมแปลงเอกสาร แจ้งความเท็จเป็นต้น
กำลังโหลดความคิดเห็น