นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะประธานกรรมการพิจารณารับผิดทางแพ่ง เปิดเผยว่า การพิจารณาเรียกค่าเสียหายจากผู้ที่กระทำผิดในโครงการรับจำนำข้าวของคณะกรรมการฯ จะพิจารณากับเจ้าหน้าที่ของรัฐเท่านั้น โดยที่ผ่านมาได้รับเรื่องจากคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงของสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งรับเรื่องต่อมาจากการตรวจสอบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้กระทรวงการคลังเรียกค่าเสียหายจากนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และพวก รวม 6 คน ที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ให้ชดใช้ความเสียหายจากการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) คาดว่าจะสรุปได้ในเดือนมีนาคมนี้ ว่าแต่ละคนต้องรับผิดชอบความเสียหายใช้คืนให้กับรัฐเท่าไร
ทั้งนี้ กรณีที่จะมีการเรียกค่าเสียหายจากเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการระบายข้าวแบบจีทูจี ซึ่งเกี่ยวข้องกับกรณีของนายบุญทรง เป็นวงเงิน 20,000 ล้านบาท เป็นหน้าที่ของหน่วยงานเจ้าของโครงการที่จะต้องไปแจ้งให้อัยการฟ้องเรียกค่าเสียหายเอง เพราะคณะกรรมการรับผิดทางแพ่งไม่มีอำนาจตัดสินเอกชนในเรื่องนี้
ด้านกระทรวงพณิชย์ แจ้งว่า อัยการสูงสุดได้แจ้งให้ทราบว่าการฟ้องเรียกค่าเสียหายนายบุญทรง และพวก รวมถึงเอกชนที่เกี่ยวข้อง 22 ราย เป็นวงเงิน 20,000 ล้านบาท จะไม่หมดอายุความ เนื่องจากมีการฟ้องร้องคดีทางอาญาไปแล้ว ทำให้การฟ้องแพ่งให้รับผิดความเสียหายจะไม่มีวันหมดอายุความอย่างที่หลายฝ่ายกังวล
ทั้งนี้ กรณีที่จะมีการเรียกค่าเสียหายจากเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการระบายข้าวแบบจีทูจี ซึ่งเกี่ยวข้องกับกรณีของนายบุญทรง เป็นวงเงิน 20,000 ล้านบาท เป็นหน้าที่ของหน่วยงานเจ้าของโครงการที่จะต้องไปแจ้งให้อัยการฟ้องเรียกค่าเสียหายเอง เพราะคณะกรรมการรับผิดทางแพ่งไม่มีอำนาจตัดสินเอกชนในเรื่องนี้
ด้านกระทรวงพณิชย์ แจ้งว่า อัยการสูงสุดได้แจ้งให้ทราบว่าการฟ้องเรียกค่าเสียหายนายบุญทรง และพวก รวมถึงเอกชนที่เกี่ยวข้อง 22 ราย เป็นวงเงิน 20,000 ล้านบาท จะไม่หมดอายุความ เนื่องจากมีการฟ้องร้องคดีทางอาญาไปแล้ว ทำให้การฟ้องแพ่งให้รับผิดความเสียหายจะไม่มีวันหมดอายุความอย่างที่หลายฝ่ายกังวล