รายงานที่เผยแพร่ในวันพุธ(10ก.พ.) ระบุว่าปฏิบัติการโจมตีของรัฐบาลภายใต้การสนับสนุนของรัสเซียทางภาคเหนือของซีเรีย เข่นฆ่าผู้คนไปมากกว่า 500 ศพในเดือนนี้ ขณะที่ตุรกีเผชิญแรงกดดันมากขึ้นเรื่อยๆให้ต้องเปิดชายแดนร้องรับประชาชนที่หลบหนีภัยสงคราม
จนถึงในวันพุธ(10ก.พ.) ยังมีชาวซีเรียอีกหลายหมื่นคนที่ตกค้างอยู่ที่เมืองอเลปโป แนวหน้าทางเหนือของประเทศ ซึ่งยังคงถูกปิดตายแม้มีเสียงเรียกร้องจากสหประชาชาติขอให้ปล่อยประชาชนหลบหนีออกมา
กลุ่มสังเกตการณ์เพื่อสิทธิมนุษยชนซีเรีย ซึ่งมีสำนักงานในอังกฤษ แต่พึ่งพิงเครือข่ายแหล่งข่าวทางภาคสนาม เปิดเผยว่ามีผู้คน 506 รายเสียชีวิตนับตั้งแต่รัฐบาลปฏิบัติการรุกคืบครั้งใหญ่ต่อฝ่ายกบฏในจังหวัดอเลปโปเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ในนั้นรวมถึงเด็ก 23 รายที่ถูกสังหารจากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของรัสเซีย
มีผู้คนมากกว่า 260,000 รายถูกสังหารและครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งหมดของซีเรียต้องพลัดถิ่นฐาน นับตั้งแต่ความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดกับผู้ประท้วงฝ่ายต่อต้านรัฐบาลปะทุขึ้นในปี 2011
กองกำลังฝักใฝ่รัฐบาลสามารถรุกคืบในจังหวัดอเลปโปหลายรอบในเดือนนี้ และตัดขาดเส้นทางลำเลียงของฝ่ายกบฏ อย่างไรก็ตามสหประชาชาติเตือนว่าประชาชนราว 300,000 คนในเมืองอเลปโป อาจถูกตัดขาดจากความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม หากกองกำลังรัฐบาลปิดล้อมพื้นที่นี้ ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ที่ฝ่ายรัฐบาลเคยใช้เล่นงานป้อมปราการต่างๆของฝ่ายกบฏก่อนหน้านี้
จนถึงในวันพุธ(10ก.พ.) ยังมีชาวซีเรียอีกหลายหมื่นคนที่ตกค้างอยู่ที่เมืองอเลปโป แนวหน้าทางเหนือของประเทศ ซึ่งยังคงถูกปิดตายแม้มีเสียงเรียกร้องจากสหประชาชาติขอให้ปล่อยประชาชนหลบหนีออกมา
กลุ่มสังเกตการณ์เพื่อสิทธิมนุษยชนซีเรีย ซึ่งมีสำนักงานในอังกฤษ แต่พึ่งพิงเครือข่ายแหล่งข่าวทางภาคสนาม เปิดเผยว่ามีผู้คน 506 รายเสียชีวิตนับตั้งแต่รัฐบาลปฏิบัติการรุกคืบครั้งใหญ่ต่อฝ่ายกบฏในจังหวัดอเลปโปเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ในนั้นรวมถึงเด็ก 23 รายที่ถูกสังหารจากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของรัสเซีย
มีผู้คนมากกว่า 260,000 รายถูกสังหารและครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งหมดของซีเรียต้องพลัดถิ่นฐาน นับตั้งแต่ความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดกับผู้ประท้วงฝ่ายต่อต้านรัฐบาลปะทุขึ้นในปี 2011
กองกำลังฝักใฝ่รัฐบาลสามารถรุกคืบในจังหวัดอเลปโปหลายรอบในเดือนนี้ และตัดขาดเส้นทางลำเลียงของฝ่ายกบฏ อย่างไรก็ตามสหประชาชาติเตือนว่าประชาชนราว 300,000 คนในเมืองอเลปโป อาจถูกตัดขาดจากความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม หากกองกำลังรัฐบาลปิดล้อมพื้นที่นี้ ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ที่ฝ่ายรัฐบาลเคยใช้เล่นงานป้อมปราการต่างๆของฝ่ายกบฏก่อนหน้านี้