xs
xsm
sm
md
lg

รมว.กลาโหมUSเผยตั้งงบใช้จ่ายปีหน้าร่วม$6แสนล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รัฐมนตรีกลาโหม แอช คาร์เตอร์ ของสหรัฐฯ ระบุในวันอังคาร (2 ก.พ.) เพนตากอนเล็งขอเงินใช้จ่ายสำหรับปีงบประมาณ 2017 จากรัฐสภาเป็นจำนวน 582,700 ล้านดอลลาร์ และปรับเปลี่ยนลำดับความสำคัญของรายการใช้จ่ายต่างๆ เพื่อให้สะท้อนสภาพแวดล้อมใหม่ในทางยุทธศาสตร์ ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่ความก้าวร้าวยืนกรานของรัสเซีย และการกำเริบเสิบสานของกลุ่ม “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) ทั้งนี้จุดโฟกัสจะอยู่ที่ความท้าทายอันสำคัญ 5 ด้านซึ่งกองทัพอเมริกันกำลังเผชิญอยู่ อันได้แก่ ความท้าทายจาก รัสเซีย จีน เกาหลีเหนือ อิหร่าน และไอเอส

คาร์เตอร์ ซึ่งพูดเรื่องเหล่านี้ระหว่างไปปราศรัยต่อ “อิโคโนมิก คลับ ออฟ วอชิงตัน” อธิบายว่า ตัวเลข 582,700 ล้านดอลลาร์นี้ สอดคล้องกับข้อตกลงเรื่องงบประมาณซึ่งฝ่ายบริหารกับผู้นำรัฐสภาทำกันไว้ในปีที่ผ่านมา และชี้ว่า สภาพแวดล้อมด้านความมั่นคงในปัจจุบันนั้นต่างจากเมื่อ 25 ปีก่อนโดยสิ้นเชิง จึงจำเป็นต้องมีวิธีคิดและวิธีดำเนินการอย่างใหม่

การเปิดเผยของคาร์เตอร์คราวนี้ มีขึ้น 1 สัปดาห์ก่อนที่คณะบริหารของประธานาธิบดีบารัค โอบามา จะยื่นเสนอร่างงบประมาณสำหรับปีงบประมาณหน้า (1 ต.ค.2016 - 30ก.ย.2017) อย่างเป็นทางการ ทำให้เราได้มองเห็นเค้าโครงล่วงหน้าของรายการใช้จ่ายด้านการทหารของสหรัฐฯ ซึ่งยังคงถือเป็นงบประมาณกลาโหมก้อนใหญ่ที่สุดในโลก

นายใหญ่เพนตากอนยังกล่าวกับผู้สื่อข่าวระหว่างเดินทางไปยังฐานทัพเรือในแคลิฟอร์เนียในวันเดียวกันว่า ร่างงบประมาณฉบับใหม่นี้ มุ่งเน้นการใช้จ่ายสำหรับอาวุธไฮเอนด์เพื่อรักษาความเป็นผู้นำทางการทหารของอเมริกา ให้เหนือกว่าพวกประเทศอย่างจีนและรัสเซียที่กำลังเร่งขยายแสนยานุภาพ

คาร์เตอร์แจงว่า คณะบริหารสหรัฐฯเล็งกันงบประมาณ 7,500 ล้านดอลลาร์ไว้สำหรับการต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้ายอย่างเช่นไอเอส ซึ่งมากกว่ายอดของปีนี้ 50% อีกทั้งยังอาจของบประมาณเพิ่มหากจำเป็น

เขาบอกด้วยว่า ในการกวาดล้างผู้ก่อการร้ายในอิรักและซีเรียที่ผ่านมา อเมริกาใช้สมาร์ทบอมบ์และจรวดนำวิถี ไปจำนวนมากจนร่อยหรอลงทุกที จึงจำเป็นต้องจัดซื้อเพิ่มเป็นมูลค่า 1,800 ล้านดอลลาร์

นอกจากนั้น เพนตากอนยังมีแผนจัดสรรงบประมาณ 3,400 ล้านดอลลาร์สำหรับการฝึกและซ้อมรบร่วมกับพันธมิตร ตลอดจนการส่งทหารไปประจำการเพิ่มในยุโรป เพื่อผ่อนคลายความกังวลของพันธมิตร สืบเนื่องจากรัสเซียเข้ายึดคาบสมุทรไครเมียจากยูเครนในปี 2014
กำลังโหลดความคิดเห็น