พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลัง นายชิโระ ชะโดะชิมะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เข้าพบหารือว่า ตนเคยทำงานร่วมกับนาย ชิโระ ตั้งแต่ที่ยังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งมีการพูดคุยในเรื่องโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง การฝึกคนเพื่อรับรองเทคโนโลยีจากญี่ปุ่น รวมทั้งการสนับสนุนการวิจัยของคนไทยที่เป็นประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย
อย่างไรก็ตาม เมื่อพ้นหน้าที่แล้ว ตนยังต้องรับผิดชอบในเรื่องการศึกษา พลังงานและการวิจัย ซึ่งนายชิโระทำงานคาบเกี่ยวในส่วนนี้ จึงยินดีที่จะช่วยสานต่อ โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่จะมาช่วยสนับสนุนการจัดการน้ำ ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย โดยในปี 2554-2555 กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที ได้นำแอพพิเคชั่น และเทคโนโลยีต่างๆ ในการติดตามปริมาณน้ำและบริหารจัดการน้ำ ดั้งนั้นเมื่อทางทูตฯเสนอแนวคิดดังกล่าว ก็พร้อมที่จะแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน โดยจะมีการจัดทีมงานเข้ามาหลังเดือนมีนาคมนี้ รวมทั้งเทคโนโลยีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาในสายอาชีวะยินดีที่จะให้ไปดูงานที่ประเทศญี่ปุ่นด้วย โดยรองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่กระทรวงไอซีทีได้นำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน มีการอนุมัติงบประมาณ 15,000 ล้านบาท สำหรับวางโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีทั่วประเทศ และอนุมัติวงเงิน 5,000 ล้านบาท สำหรับการเชื่อมต่อโครงสร้างพื้นฐานไฟเบอร์ออฟติค โดยภายในต้นปี 2560 จะต้องมีเครือข่ายไฟเบอร์ออฟติคครอบคลุมทั่วประเทศ ซึ่งหลังจากนี้กระทรวงไอซีทีจะต้องทำแผนปฏิบัติการเพื่อให้ประชาชนสามารถใช้อินเทอร์เน็ตและเข้าถึงบริการของรัฐให้ได้ ซึ่งสามารถเข้าถึงได้ ร้อยละ 48-50 เท่านั้น โดยยืนยันว่าไม่มีการพูดถึงซิงเกิล เกตเวย์ แต่เป็นการหารือเกี่ยวกับ เนชั่นแนล ซิงเกิล วินโดว์ ที่จะมีข้อมูลด้านต่างๆ ทั้งการศึกษา สาธารณะสุข การค้า การขนส่ง ซึ่งสามารถนำข้อมูลมาใช้ได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตามการทำงานดังกล่าวกระทรวงไอซีทีจะต้องร่วมกับรัฐวิสาหกิจ และกระทรวงต่างๆที่เกี่ยวข้อง
อย่างไรก็ตาม เมื่อพ้นหน้าที่แล้ว ตนยังต้องรับผิดชอบในเรื่องการศึกษา พลังงานและการวิจัย ซึ่งนายชิโระทำงานคาบเกี่ยวในส่วนนี้ จึงยินดีที่จะช่วยสานต่อ โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่จะมาช่วยสนับสนุนการจัดการน้ำ ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย โดยในปี 2554-2555 กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที ได้นำแอพพิเคชั่น และเทคโนโลยีต่างๆ ในการติดตามปริมาณน้ำและบริหารจัดการน้ำ ดั้งนั้นเมื่อทางทูตฯเสนอแนวคิดดังกล่าว ก็พร้อมที่จะแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน โดยจะมีการจัดทีมงานเข้ามาหลังเดือนมีนาคมนี้ รวมทั้งเทคโนโลยีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาในสายอาชีวะยินดีที่จะให้ไปดูงานที่ประเทศญี่ปุ่นด้วย โดยรองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่กระทรวงไอซีทีได้นำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน มีการอนุมัติงบประมาณ 15,000 ล้านบาท สำหรับวางโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีทั่วประเทศ และอนุมัติวงเงิน 5,000 ล้านบาท สำหรับการเชื่อมต่อโครงสร้างพื้นฐานไฟเบอร์ออฟติค โดยภายในต้นปี 2560 จะต้องมีเครือข่ายไฟเบอร์ออฟติคครอบคลุมทั่วประเทศ ซึ่งหลังจากนี้กระทรวงไอซีทีจะต้องทำแผนปฏิบัติการเพื่อให้ประชาชนสามารถใช้อินเทอร์เน็ตและเข้าถึงบริการของรัฐให้ได้ ซึ่งสามารถเข้าถึงได้ ร้อยละ 48-50 เท่านั้น โดยยืนยันว่าไม่มีการพูดถึงซิงเกิล เกตเวย์ แต่เป็นการหารือเกี่ยวกับ เนชั่นแนล ซิงเกิล วินโดว์ ที่จะมีข้อมูลด้านต่างๆ ทั้งการศึกษา สาธารณะสุข การค้า การขนส่ง ซึ่งสามารถนำข้อมูลมาใช้ได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตามการทำงานดังกล่าวกระทรวงไอซีทีจะต้องร่วมกับรัฐวิสาหกิจ และกระทรวงต่างๆที่เกี่ยวข้อง