นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ หรือ กรธ. เปิดเผยถึงการยกร่างรัฐธรรมนูญ ว่า ได้เพิ่มกลไกให้องค์กรอิสระทำงานเชิงรุก นอกเหนือจากตรวจสอบเรื่องร้องเรียนแล้ว ยังให้อำนาจนำเรื่องที่เห็นว่ามีการทุจริตหรือไม่โปร่งใสมาพิจารณาเองได้ โดยไม่ต้องมีผู้ร้อง และลดขั้นตอนการพิจารณาคดีหรือสำนวนต่าง ๆ ให้น้อยลง โดยให้แต่ละองค์กรทำงานเชื่อมโยงกัน เมื่อพบว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่องค์กรใด สามารถส่งให้พิจารณาต่อกันได้ โดยไม่ต้องเริ่มต้นใหม่ ซึ่งต่างจากอดีตที่ต่างคนต่างทำและซ้ำซ้อนกัน
นอกจากนี้ ยังมีกลไกใหม่ หากพบว่ารัฐบาลดำเนินนโยบายหรือโครงการที่ส่อว่าจะทำให้เกิดความเสียหายกับประเทศ ให้ 3 องค์กร คือ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หารือร่วมกัน และหากเห็นว่าจะเกิดเสียหาย ให้มีมติร่วมกันเสนอคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา เพื่อช่วยระงับยับยั้งหรือช่วยเตือนให้ระงับยับยั้ง ก่อนที่จะเกิดความเสียหาย แต่หากรัฐบาลยังเดินหน้าต่อไปแล้วเกิดความเสียหาย รัฐบาลต้องรับผิดชอบกับผลที่เกิดขึ้นตามกฎหมาย
สำหรับการตรวจสอบควบคุมมาตรฐานทางจริยธรรม กำหนดให้องค์กรอิสระร่วมกันร่างและใช้ร่วมกัน เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน แต่มีเงื่อนไขว่า ในส่วนของ ส.ส. ส.ว. หรือคณะรัฐมนตรี อาจเพิ่มเติม เพื่อให้เหมาะสมกับการทำงาน แต่ในคุณสมบัติคณะรัฐมนตรี ที่กำหนดว่า ต้องไม่กระทำการฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง จะต้องกำหนดให้ชัดว่า เรื่องใดฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง เพราะหากเกิดสงสัยว่าทำผิดจริงหรือไม่ สามารถส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ โดยให้ ส.ส. ส.ว. และ กกต.สามารถยื่นได้ เพราะแต่ละองค์กรจะถูกตรวจสอบซึ่งกันและกัน
นอกจากนี้ ยังมีกลไกใหม่ หากพบว่ารัฐบาลดำเนินนโยบายหรือโครงการที่ส่อว่าจะทำให้เกิดความเสียหายกับประเทศ ให้ 3 องค์กร คือ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หารือร่วมกัน และหากเห็นว่าจะเกิดเสียหาย ให้มีมติร่วมกันเสนอคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา เพื่อช่วยระงับยับยั้งหรือช่วยเตือนให้ระงับยับยั้ง ก่อนที่จะเกิดความเสียหาย แต่หากรัฐบาลยังเดินหน้าต่อไปแล้วเกิดความเสียหาย รัฐบาลต้องรับผิดชอบกับผลที่เกิดขึ้นตามกฎหมาย
สำหรับการตรวจสอบควบคุมมาตรฐานทางจริยธรรม กำหนดให้องค์กรอิสระร่วมกันร่างและใช้ร่วมกัน เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน แต่มีเงื่อนไขว่า ในส่วนของ ส.ส. ส.ว. หรือคณะรัฐมนตรี อาจเพิ่มเติม เพื่อให้เหมาะสมกับการทำงาน แต่ในคุณสมบัติคณะรัฐมนตรี ที่กำหนดว่า ต้องไม่กระทำการฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง จะต้องกำหนดให้ชัดว่า เรื่องใดฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง เพราะหากเกิดสงสัยว่าทำผิดจริงหรือไม่ สามารถส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ โดยให้ ส.ส. ส.ว. และ กกต.สามารถยื่นได้ เพราะแต่ละองค์กรจะถูกตรวจสอบซึ่งกันและกัน
