ความคืบหน้าปัญหาความขัดแย้งของผู้บริหารและกรรมการสภามหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) ที่ลุกลามบานปลายจนกระทั่ง คณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) มีมติเสนอทางออกให้ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ รับไปพิจารณาดำเนินการ 2 แนวทาง คือ 1.เดินหน้าไกล่เกลี่ยปัญหา 2 ฝ่ายต่อไป หรือ 2.ใช้อำนาจมาตรา 86 วรรค 2 พ.ร.บ.สถาบันอุดมศึกษาเอกชน พ.ศ.2546 เข้าไปควบคุมการบริหารงานของเอแบค โดยจัดตั้งคณะทำงานเข้าไปทำหน้าที่แทนสภามหาวิทยาลัย
รายงานข่าวแจ้งว่าเมื่อวันที่ 8 มกราคม พล.อ.ดาว์พงษ์ ได้เรียกคู่ขัดแย้งทั้ง 2 ฝ่ายมาหารือเพื่อไกล่เกลี่ยปัญหากันอีกครั้ง แต่ทั้ง 2 ฝ่ายก็ยังไม่สามารถหาข้อยุติกันได้ ดังนั้น พล.อ.ดาว์พงษ์ จึงให้โอกาสกลับไปหารือกันอีกครั้ง หากภายใน 7 วัน ยังไม่สามารถหาข้อยุติใดๆ จะใช้อำนาจเข้าไปควบคุมการบริหารงานของมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญทันที
โดย พล.อ.ดาว์พงษ์ เปิดเผยเรื่องดังกล่าวภายหลังการหารือว่า การประชุมครั้งนี้ใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง แต่ทั้ง 2 ฝ่ายก็ยังไม่สามารถตกลงกันได้ ดังนั้นจึงจะให้ทั้ง 2 ฝ่ายกลับไปตกลงกันเองนอกรอบ โดยให้เวลา 7 วัน จะเชิญมาอีกครั้ง ซึ่งหากยังไม่สามารถก็จะตัดสินใจเข้าควบคุมการบริหารงานแทน
“วันนี้ผมจะให้ทั้ง 2 ฝ่าย กลับไปตั้งสติเพื่อหารือแก้ปัญหากันเองอีกครั้ง โดยวันศุกร์ที่ 15 มกราคมนี้ จะเชิญทั้งหมดกลับมาหารือกันอีกครั้ง แต่หากยังตกลงกันไม่ได้อีก ก็จำเป็นต้องใช้อำนาจตามมาตรา 86 เข้าไปจัด เพราะปัญหาที่เกิดขึ้น ยืดเยื้อมานานแล้ว ส่วนตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัยของ ภราดาสุรสิทธิ์ สุขชัย ที่ได้รับการแต่งตั้งโดยตรงจากคณะเซ็นคาเบรียล ซึ่งมีการมองว่าหากใช้อำนาจตามมาตรา 86 จะมีผลกระทบหรือไม่นั้น ตามกฎหมายของเรา ถ้าอะไรที่ทำได้ผมก็จะทำ และการแต่งตั้งนายกสภามหาวิทยาลัยเอกชนในประเทศไทย ก็เป็นอำนาจของ รมว.ศึกษาธิการ เช่นกัน” พล.อ.ดาว์พงษ์ กล่าว
ด้าน รศ.นพ.กำจร ตติยกวี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ในที่ประชุมทั้ง 2 ฝ่ายยังมีการโต้เถียงและกล่าวหากันอยู่ในบางประเด็น จึงมีการเสนอให้สภามหาวิทยาลัยทุกคนลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบร่วมกัน เพื่อให้ผู้ได้รับใบอนุญาตจัดตั้งมหาวิทยาลัย คือ มูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียลแห่งประเทศไทย เสนอรายชื่อกรรมการสภามหาวิทยาลัยชุดใหม่ ซึ่งแนวทางนี้เป็นแนวทางที่มีความเป็นไปได้ที่สุด แต่ก็ยังมีคนเห็นแย้ง พล.อ.ดาว์พงษ์ จึงต้องให้กลับไปหารือกันเองอีกครั้ง เพื่อหารูปแบบที่มีความเป็นไปได้รวมถึงเรื่องของคดีความต่างๆ ก็อยากให้เลิกแล้วต่อกัน
นายวีรศักดิ์ อนุสนธิวงษ์ กรรมการสภามหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ กล่าวว่า ในที่ประชุมต่างฝ่ายต่างมีจุดยืน และตั้งเงื่อนไขที่อีกฝ่ายค่อนข้างยอมรับลำบาก ฝ่ายเราจึงเสนอให้กรรมการทุกคนลาออก และส่งเรื่องคืนให้ผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งมหาวิทยาลัย คือ มูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียลแห่งประเทศไทย กลับไปดำเนินการเอง เพราะอย่างไรเสีย เจ้าของก็คงไม่ปล่อยให้มหาวิทยาลัยเสียหาย แต่ก็มีกรรมการบางคนไม่เห็นด้วย ดังนั้นคงต้องหาจุดที่ลงตัวร่วมกัน โดย 2 ฝ่ายได้นัดหารือ วันที่ 14 มกราคม เวลา 15.00 น. ที่มูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียลฯ ซึ่งหายังตกลงกันไม่ได้จนท้ายสุด รมว.ศึกษาธิการ ต้องใช้อำนาจเข้ามาควบคุมมหาวิทยาลัย ทุกคนก็ต้องยอมรับสภาพ
ด้าน นายสุทธิพร ปทุมเทวาภิบาล ซึ่งอ้างเสียงข้างมากของสภามหาวิทยาลัยแต่งตั้งให้เป็นอธิการบดี เปิดเผยว่า การประชุมครั้งนี้ทั้งสองฝ่ายต่างเสนอแนวทางแก้ปัญหา โดยตนก็ได้เสนอให้ทุกฝ่ายถอยออกมา แล้วตั้งคนกลางเข้าไปบริหารมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญจนกว่าจะเรียบรอย แต่ตนขอรักษาสิทธ์ความเป็นอธิการบดีเอาไว้ตามกฎหมาย ขณะที่อีกฝ่ายเสนอให้สภามหาวิทยาลัยทุกคนลาออกและให้ผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งเป็นผู้แต่งตั้งคนที่จะเข้าไปเป็นอธิการบดี
“ข้อเสนอนี้ผมรับไม่ได้อย่างแน่นอน และข้อเสนอหลายๆ ข้อของทั้ง 2 ฝ่ายก็เป็นไปไม่ได้ ดังนั้น รมว.ศึกษาธิการ จึงให้ไปพูดคุยและหาข้อสรุปให้ได้ภายใน 7 วัน ซึ่ง พล.อ.ดาว์พงษ์ พูดกลางที่ประชุมว่า ถ้าครั้งนี้ยังตกลงกันไม่ได้อีก ก็จะใช้อำนาจตามมาตรา 86 ตั้งกรรมการควบคุม 100% แต่ทั้งนี้โดยส่วนตัวยังไม่แน่ใจว่า จะสามารถไกล่เกลี่ยกันได้ลงตัวหรือไม่ ถ้าเดินหน้าไม่ได้ก็ต้องแจ้งให้ พล.อ.ดาว์พงษ์ รับทราบเพื่อตัดสินต่อไป” นายสุทธิพร กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่าเมื่อวันที่ 8 มกราคม พล.อ.ดาว์พงษ์ ได้เรียกคู่ขัดแย้งทั้ง 2 ฝ่ายมาหารือเพื่อไกล่เกลี่ยปัญหากันอีกครั้ง แต่ทั้ง 2 ฝ่ายก็ยังไม่สามารถหาข้อยุติกันได้ ดังนั้น พล.อ.ดาว์พงษ์ จึงให้โอกาสกลับไปหารือกันอีกครั้ง หากภายใน 7 วัน ยังไม่สามารถหาข้อยุติใดๆ จะใช้อำนาจเข้าไปควบคุมการบริหารงานของมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญทันที
โดย พล.อ.ดาว์พงษ์ เปิดเผยเรื่องดังกล่าวภายหลังการหารือว่า การประชุมครั้งนี้ใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง แต่ทั้ง 2 ฝ่ายก็ยังไม่สามารถตกลงกันได้ ดังนั้นจึงจะให้ทั้ง 2 ฝ่ายกลับไปตกลงกันเองนอกรอบ โดยให้เวลา 7 วัน จะเชิญมาอีกครั้ง ซึ่งหากยังไม่สามารถก็จะตัดสินใจเข้าควบคุมการบริหารงานแทน
“วันนี้ผมจะให้ทั้ง 2 ฝ่าย กลับไปตั้งสติเพื่อหารือแก้ปัญหากันเองอีกครั้ง โดยวันศุกร์ที่ 15 มกราคมนี้ จะเชิญทั้งหมดกลับมาหารือกันอีกครั้ง แต่หากยังตกลงกันไม่ได้อีก ก็จำเป็นต้องใช้อำนาจตามมาตรา 86 เข้าไปจัด เพราะปัญหาที่เกิดขึ้น ยืดเยื้อมานานแล้ว ส่วนตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัยของ ภราดาสุรสิทธิ์ สุขชัย ที่ได้รับการแต่งตั้งโดยตรงจากคณะเซ็นคาเบรียล ซึ่งมีการมองว่าหากใช้อำนาจตามมาตรา 86 จะมีผลกระทบหรือไม่นั้น ตามกฎหมายของเรา ถ้าอะไรที่ทำได้ผมก็จะทำ และการแต่งตั้งนายกสภามหาวิทยาลัยเอกชนในประเทศไทย ก็เป็นอำนาจของ รมว.ศึกษาธิการ เช่นกัน” พล.อ.ดาว์พงษ์ กล่าว
ด้าน รศ.นพ.กำจร ตติยกวี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ในที่ประชุมทั้ง 2 ฝ่ายยังมีการโต้เถียงและกล่าวหากันอยู่ในบางประเด็น จึงมีการเสนอให้สภามหาวิทยาลัยทุกคนลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบร่วมกัน เพื่อให้ผู้ได้รับใบอนุญาตจัดตั้งมหาวิทยาลัย คือ มูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียลแห่งประเทศไทย เสนอรายชื่อกรรมการสภามหาวิทยาลัยชุดใหม่ ซึ่งแนวทางนี้เป็นแนวทางที่มีความเป็นไปได้ที่สุด แต่ก็ยังมีคนเห็นแย้ง พล.อ.ดาว์พงษ์ จึงต้องให้กลับไปหารือกันเองอีกครั้ง เพื่อหารูปแบบที่มีความเป็นไปได้รวมถึงเรื่องของคดีความต่างๆ ก็อยากให้เลิกแล้วต่อกัน
นายวีรศักดิ์ อนุสนธิวงษ์ กรรมการสภามหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ กล่าวว่า ในที่ประชุมต่างฝ่ายต่างมีจุดยืน และตั้งเงื่อนไขที่อีกฝ่ายค่อนข้างยอมรับลำบาก ฝ่ายเราจึงเสนอให้กรรมการทุกคนลาออก และส่งเรื่องคืนให้ผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งมหาวิทยาลัย คือ มูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียลแห่งประเทศไทย กลับไปดำเนินการเอง เพราะอย่างไรเสีย เจ้าของก็คงไม่ปล่อยให้มหาวิทยาลัยเสียหาย แต่ก็มีกรรมการบางคนไม่เห็นด้วย ดังนั้นคงต้องหาจุดที่ลงตัวร่วมกัน โดย 2 ฝ่ายได้นัดหารือ วันที่ 14 มกราคม เวลา 15.00 น. ที่มูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียลฯ ซึ่งหายังตกลงกันไม่ได้จนท้ายสุด รมว.ศึกษาธิการ ต้องใช้อำนาจเข้ามาควบคุมมหาวิทยาลัย ทุกคนก็ต้องยอมรับสภาพ
ด้าน นายสุทธิพร ปทุมเทวาภิบาล ซึ่งอ้างเสียงข้างมากของสภามหาวิทยาลัยแต่งตั้งให้เป็นอธิการบดี เปิดเผยว่า การประชุมครั้งนี้ทั้งสองฝ่ายต่างเสนอแนวทางแก้ปัญหา โดยตนก็ได้เสนอให้ทุกฝ่ายถอยออกมา แล้วตั้งคนกลางเข้าไปบริหารมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญจนกว่าจะเรียบรอย แต่ตนขอรักษาสิทธ์ความเป็นอธิการบดีเอาไว้ตามกฎหมาย ขณะที่อีกฝ่ายเสนอให้สภามหาวิทยาลัยทุกคนลาออกและให้ผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งเป็นผู้แต่งตั้งคนที่จะเข้าไปเป็นอธิการบดี
“ข้อเสนอนี้ผมรับไม่ได้อย่างแน่นอน และข้อเสนอหลายๆ ข้อของทั้ง 2 ฝ่ายก็เป็นไปไม่ได้ ดังนั้น รมว.ศึกษาธิการ จึงให้ไปพูดคุยและหาข้อสรุปให้ได้ภายใน 7 วัน ซึ่ง พล.อ.ดาว์พงษ์ พูดกลางที่ประชุมว่า ถ้าครั้งนี้ยังตกลงกันไม่ได้อีก ก็จะใช้อำนาจตามมาตรา 86 ตั้งกรรมการควบคุม 100% แต่ทั้งนี้โดยส่วนตัวยังไม่แน่ใจว่า จะสามารถไกล่เกลี่ยกันได้ลงตัวหรือไม่ ถ้าเดินหน้าไม่ได้ก็ต้องแจ้งให้ พล.อ.ดาว์พงษ์ รับทราบเพื่อตัดสินต่อไป” นายสุทธิพร กล่าว
