นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียนและอดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช ปฏิเสธข่าวพร้อมทำหน้าที่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และนายกรัฐมนตรี โดยชี้แจงว่าเป็นการตีความที่คลาดเคลื่อนและความเข้าใจผิดของสื่อมวลชนระหว่างตอบข้อซักถามในประเด็นสถานการณ์การเมือง โดยยืนยันว่าการตอบข้อซักถามไม่มีเนื้อหาตามที่เป็นข่าวและเห็นว่าในเวลานี้ยังไม่ถึงช่วงเวลาเหมาะสมที่จะพูดถึงเรื่องนี้ เนื่องจากยังไม่มีความชัดเจนในเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ
"ผมไปนั่งกินน้ำชากับพรรคพวกของผม พร้อมพูดคุยกันเรื่องการเมืองท้องถิ่น ปัญหาของจังหวัดนครศรีธรรมราช ความขัดแย้งแตกแยกในจังหวัด ซึ่งเป็นวัฒนธรรมของคนนคร เมื่อดื่มชาก็จะต้องเสวนาเรื่องการเมืองกัน บังเอิญว่ามีสื่อมวลชนนั่งอยู่ด้วย จึงได้ตั้งคำถามว่าจะมีการเลือกตั้งระดับชาติเมื่อไหร่ ซึ่งผมก็ตอบไปว่าหากเลือกตั้งได้ก็เลือกตั้งไปแล้ว ถามกันอีกว่าท่านควรจะเป็น หัวหน้าพรรค ปชป.นะ ซึ่งผมไม่ได้ตอบคำถามนี้ ผมก็ย้อนกลับไปว่า "ยูรู้หรือไม่ว่าการเป็นหัวหน้าพรรค คือการเตรียมตัวเป็นนายกรัฐมนตรี" ผมพูดแค่นี้จริงๆ ในระบบการเลือกตั้งของเรา ตามระบบรัฐสภานั้น การเป็นหัวหน้าพรรค หมายถึงการเตรียมตัวเป็นนายกรัฐมนตรี ผมเข้าใจเพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับประเทศไทย เป็นเรื่องในระบอบประชาธิปไตย
นายสุรินทร์กล่าวว่า การจะเป็นหัวหน้าพรรคได้จะต้องมีระบบ มีขั้นตอน มีโครงสร้าง มีผู้ใหญ่ที่จะต้องปรึกษาหารือ ไม่ใช่วิสัยของตนที่จะทำอะไรผลีผลามโดยไม่ปรึกษาผู้ใหญ่ ยืนยันว่าตนมีความสุขดีกับการทำหน้าที่เป็นครูบาอาจารย์สอนหนังสือให้กับนักศึกษา เพื่อให้คนเหล่านั้นเติบใหญ่เป็นอนาคตที่ดีของชาติ
อย่างไรก็ตามนายสุรินทร์ ปฏิเสธให้ความชัดเจนว่าหากกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ชุดปัจจุบันหมดวาระลงในเดือนธันวาคม 2561 จะเสนอตัวลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ เนื่องจากยังไม่ถึงเวลาที่จะพูดถึงเรื่องนี้
ทั้งนี้ นายสุรินทร์ เป็นอดีต ส.ส.จังหวัดนครศรีธรรมราช 7 สมัยและเคยดำรงตำแหน่งทางการเมืองหลายตำแหน่ง โดยเฉพาะตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และทั้งก่อนและหลังเป็นเลขาธิการอาเซียนก็ถูกทาบทามและตั้งคำถามถึงความพร้อมที่จะเป็นผู้นำพรรคประชาธิปัตย์มาโดยตลอด
ด้านนายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวยืนยันว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ทำหน้าที่หัวหน้าพรรคเป็นอย่างดี ไม่มีเหตุใดที่จะชี้ว่าขาดตกบกพร่องในความรับผิดชอบ และตามวาระยังคงทำหน้าที่ต่อไปถึงเดือนธันวาคม 2561 ประกอบกับคำสั่ง คสช.ห้ามพรรคการเมืองประชุมและจัดกิจกรรม จึงไม่มีวาระของการปรับเปลี่ยนเกิดขึ้น
ส่วนนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยอมรับว่านายอภิสิทธิ์รับทราบข่าวนี้แล้ว แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดที่แท้จริง เบื้องต้นได้ชี้แจงกับสื่อมวลชนและสมาชิกพรรคที่สอบถามเข้ามาว่าเป็นเรื่องที่ดีที่มีผู้อาสาชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค โดยย้ำว่าไม่ใช่ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นภายในพรรค
"ผมไปนั่งกินน้ำชากับพรรคพวกของผม พร้อมพูดคุยกันเรื่องการเมืองท้องถิ่น ปัญหาของจังหวัดนครศรีธรรมราช ความขัดแย้งแตกแยกในจังหวัด ซึ่งเป็นวัฒนธรรมของคนนคร เมื่อดื่มชาก็จะต้องเสวนาเรื่องการเมืองกัน บังเอิญว่ามีสื่อมวลชนนั่งอยู่ด้วย จึงได้ตั้งคำถามว่าจะมีการเลือกตั้งระดับชาติเมื่อไหร่ ซึ่งผมก็ตอบไปว่าหากเลือกตั้งได้ก็เลือกตั้งไปแล้ว ถามกันอีกว่าท่านควรจะเป็น หัวหน้าพรรค ปชป.นะ ซึ่งผมไม่ได้ตอบคำถามนี้ ผมก็ย้อนกลับไปว่า "ยูรู้หรือไม่ว่าการเป็นหัวหน้าพรรค คือการเตรียมตัวเป็นนายกรัฐมนตรี" ผมพูดแค่นี้จริงๆ ในระบบการเลือกตั้งของเรา ตามระบบรัฐสภานั้น การเป็นหัวหน้าพรรค หมายถึงการเตรียมตัวเป็นนายกรัฐมนตรี ผมเข้าใจเพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับประเทศไทย เป็นเรื่องในระบอบประชาธิปไตย
นายสุรินทร์กล่าวว่า การจะเป็นหัวหน้าพรรคได้จะต้องมีระบบ มีขั้นตอน มีโครงสร้าง มีผู้ใหญ่ที่จะต้องปรึกษาหารือ ไม่ใช่วิสัยของตนที่จะทำอะไรผลีผลามโดยไม่ปรึกษาผู้ใหญ่ ยืนยันว่าตนมีความสุขดีกับการทำหน้าที่เป็นครูบาอาจารย์สอนหนังสือให้กับนักศึกษา เพื่อให้คนเหล่านั้นเติบใหญ่เป็นอนาคตที่ดีของชาติ
อย่างไรก็ตามนายสุรินทร์ ปฏิเสธให้ความชัดเจนว่าหากกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ชุดปัจจุบันหมดวาระลงในเดือนธันวาคม 2561 จะเสนอตัวลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ เนื่องจากยังไม่ถึงเวลาที่จะพูดถึงเรื่องนี้
ทั้งนี้ นายสุรินทร์ เป็นอดีต ส.ส.จังหวัดนครศรีธรรมราช 7 สมัยและเคยดำรงตำแหน่งทางการเมืองหลายตำแหน่ง โดยเฉพาะตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และทั้งก่อนและหลังเป็นเลขาธิการอาเซียนก็ถูกทาบทามและตั้งคำถามถึงความพร้อมที่จะเป็นผู้นำพรรคประชาธิปัตย์มาโดยตลอด
ด้านนายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวยืนยันว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ทำหน้าที่หัวหน้าพรรคเป็นอย่างดี ไม่มีเหตุใดที่จะชี้ว่าขาดตกบกพร่องในความรับผิดชอบ และตามวาระยังคงทำหน้าที่ต่อไปถึงเดือนธันวาคม 2561 ประกอบกับคำสั่ง คสช.ห้ามพรรคการเมืองประชุมและจัดกิจกรรม จึงไม่มีวาระของการปรับเปลี่ยนเกิดขึ้น
ส่วนนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยอมรับว่านายอภิสิทธิ์รับทราบข่าวนี้แล้ว แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดที่แท้จริง เบื้องต้นได้ชี้แจงกับสื่อมวลชนและสมาชิกพรรคที่สอบถามเข้ามาว่าเป็นเรื่องที่ดีที่มีผู้อาสาชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค โดยย้ำว่าไม่ใช่ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นภายในพรรค