เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 20 ธันวาคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลพระอัฐิ และบรรจุพระสรีรางคาร สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ณ ตำหนักเพ็ชร วัดบวรนิเวศวิหาร
เมื่อเสด็จถึงตำหนักเพ็ชร ทรงจุดธูปเทียนถวายสักการะพระอัฐิ และพระสรีรางคารสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกแล้ว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการพระพุทธปฎิมา พระสงฆ์ 10 รูปสวดพระพุทธมนต์ถวายพรพระ จบแล้ว พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ทรงประเคนภัตตาหาร พระสงฆ์รับพระราชทานฉันแล้ว ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรม ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก
จากนั้นทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพนักงานภูษามาลาเชิญพระเจดีย์บรรจุพระอัฐิขึ้นพระราชยานไปประดิษฐาน ณ ตำหนักเดิม ทรงยืนส่งพระเจดีย์พระอัฐิ และโปรดให้พลโทหม่อมเจ้าเฉลิมศึก ยุคล เสด็จตามพระเจดีย์พระอัฐิ โดยมีสมเด็จพระวันรัต รักษาการเจ้าอาวาสวัดบวรฯ ร่วมส่งพระอัฐิเมื่อถึงยังตำหนักเดิม ทรงทอดผ้าไตร 5 ไตร พระสงฆ์สดับปกรณ์
ต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพนักงานภูษามาลา เชิญผอบพระสรีรางคารขึ้นพระราชยานไปยังวิหารเก๋ง วัดบวรนิเวศวิหาร พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ทรงเสด็จตามพระสรีรางคาร เสด็จเข้าวิหารเก๋ง ทรงทอดผ้าไตรที่หน้าถ้ำศิลาบรรจุพระสรีรางคาร พระสงฆ์ 10 รูป สดับปกรณ์ ทรงเลื่อนถ้ำศิลาบรรจุพระสรีรางคาร ณ บัลลังก์ที่ประดิษฐานพระพุทธปฏิมา เมื่อทรงบรรจุแล้ว ทรงคม ทรงวางพวงมาลาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และของส่วนพระองค์ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายสักการะพระสรีรางคาร ทรงคม เสด็จออกจากวิหารเก๋งแล้วเสด็จกลับ
ด้านพระศากยวงศ์วิสุทธิ์ (อนิลมาน ธมฺมสากิโย) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหารเปิดเผยว่า สมเด็จพระวันรัต รักษาการเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศ มีเมตตาต่อประชาชนที่มารอสักการะพระอัฐิ โดยเชิญพระอัฐ ที่จะอัญเชิญไปประดิษฐาน ณ วัดญาณสังวราราม จ.ชลบุรี และวัดเทวสังฆาราม จ.กาญจนบุรี ให้ประชาชนเข้าสักการะ ณ ตำหนักเพ็ชร ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 24 ธันวาคม ในเวลา 8.00-16.00 น. โดยวันที่ 24 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันสุดท้าย จะเปิดให้สักการะถึงเวลา 18.00 น. ก่อนจะอัญเชิญไปประดิษฐาน ณ วัดญาณสังวราราม จ.ชลบุรี และวัดเทวสังฆาราม จ.กาญจนบุรี ต่อไป
ส่วนพระอัฐิที่ประดิษฐาน ณ ตำหนักเดิม จะอัญเชิญออกมาให้ประชาชนสักการะเฉพาะวันสำคัญของวัดเท่านั้น ส่วนพระสรีรางคาร ประชาชนสามารถมาสักการะได้ทุกวันที่วิหารเก๋ง วัดบวรฯ
“สำหรับหนังสือบวรธรรมบพิตร ฉบับประมวลพระรูปและฉบับรวมพระประวัติได้แจกประชาชนไปแล้วกว่า 3 แสนเล่ม โดยทางวัดจะจัดพิมพ์หนังสือบวรธรรมบพิตรเต็มฉบับเพิ่มเติมเนื้อหาอีก 8 หน้า โดยจะใส่ข้อมูล การสถาปนาพระเกียรติยศสมเด็จพระสังฆราช เอกสารและภาพเกี่ยวกับพระประวัติที่เพิ่งค้นพบใหม่ เช่น หนังสือใบสุทธิหรือหนังสือประจำตัวของพระ ของพระองค์ สมุดบันทึกพระประวัติ หลักธรรมะซึ่งทรงบันทึกด้วยลายพระหัตถ์ รวมถึงบรรยากาศในการพระราชทานเพลิงพระศพจำนวนกว่า 5 หมื่นเล่ม เพื่อแจกประชาชนที่มาสักการะ” พระศากยวงศ์วิสุทธิ์ กล่าว
และว่า เมื่อทางวัดปิดสักการะพระอัฐิแล้ว ประชาชาสามารถกราบพระรูปเหมือนสมเด็จพระสังฆราช ที่ประดิษฐาน ณ อาคารมนุษยนาควิทยาทานทุกวันเสาร์-อาทิตย์ จนกว่าอาคาร 100 ปี สมเด็จพระสังฆราช จะแล้วเสร็จ จึงจะอัญเชิญไปประดิษฐานยังอาคารหลังดังกล่าวต่อไป
เมื่อเสด็จถึงตำหนักเพ็ชร ทรงจุดธูปเทียนถวายสักการะพระอัฐิ และพระสรีรางคารสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกแล้ว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการพระพุทธปฎิมา พระสงฆ์ 10 รูปสวดพระพุทธมนต์ถวายพรพระ จบแล้ว พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ทรงประเคนภัตตาหาร พระสงฆ์รับพระราชทานฉันแล้ว ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรม ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก
จากนั้นทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพนักงานภูษามาลาเชิญพระเจดีย์บรรจุพระอัฐิขึ้นพระราชยานไปประดิษฐาน ณ ตำหนักเดิม ทรงยืนส่งพระเจดีย์พระอัฐิ และโปรดให้พลโทหม่อมเจ้าเฉลิมศึก ยุคล เสด็จตามพระเจดีย์พระอัฐิ โดยมีสมเด็จพระวันรัต รักษาการเจ้าอาวาสวัดบวรฯ ร่วมส่งพระอัฐิเมื่อถึงยังตำหนักเดิม ทรงทอดผ้าไตร 5 ไตร พระสงฆ์สดับปกรณ์
ต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพนักงานภูษามาลา เชิญผอบพระสรีรางคารขึ้นพระราชยานไปยังวิหารเก๋ง วัดบวรนิเวศวิหาร พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ทรงเสด็จตามพระสรีรางคาร เสด็จเข้าวิหารเก๋ง ทรงทอดผ้าไตรที่หน้าถ้ำศิลาบรรจุพระสรีรางคาร พระสงฆ์ 10 รูป สดับปกรณ์ ทรงเลื่อนถ้ำศิลาบรรจุพระสรีรางคาร ณ บัลลังก์ที่ประดิษฐานพระพุทธปฏิมา เมื่อทรงบรรจุแล้ว ทรงคม ทรงวางพวงมาลาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และของส่วนพระองค์ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายสักการะพระสรีรางคาร ทรงคม เสด็จออกจากวิหารเก๋งแล้วเสด็จกลับ
ด้านพระศากยวงศ์วิสุทธิ์ (อนิลมาน ธมฺมสากิโย) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหารเปิดเผยว่า สมเด็จพระวันรัต รักษาการเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศ มีเมตตาต่อประชาชนที่มารอสักการะพระอัฐิ โดยเชิญพระอัฐ ที่จะอัญเชิญไปประดิษฐาน ณ วัดญาณสังวราราม จ.ชลบุรี และวัดเทวสังฆาราม จ.กาญจนบุรี ให้ประชาชนเข้าสักการะ ณ ตำหนักเพ็ชร ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 24 ธันวาคม ในเวลา 8.00-16.00 น. โดยวันที่ 24 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันสุดท้าย จะเปิดให้สักการะถึงเวลา 18.00 น. ก่อนจะอัญเชิญไปประดิษฐาน ณ วัดญาณสังวราราม จ.ชลบุรี และวัดเทวสังฆาราม จ.กาญจนบุรี ต่อไป
ส่วนพระอัฐิที่ประดิษฐาน ณ ตำหนักเดิม จะอัญเชิญออกมาให้ประชาชนสักการะเฉพาะวันสำคัญของวัดเท่านั้น ส่วนพระสรีรางคาร ประชาชนสามารถมาสักการะได้ทุกวันที่วิหารเก๋ง วัดบวรฯ
“สำหรับหนังสือบวรธรรมบพิตร ฉบับประมวลพระรูปและฉบับรวมพระประวัติได้แจกประชาชนไปแล้วกว่า 3 แสนเล่ม โดยทางวัดจะจัดพิมพ์หนังสือบวรธรรมบพิตรเต็มฉบับเพิ่มเติมเนื้อหาอีก 8 หน้า โดยจะใส่ข้อมูล การสถาปนาพระเกียรติยศสมเด็จพระสังฆราช เอกสารและภาพเกี่ยวกับพระประวัติที่เพิ่งค้นพบใหม่ เช่น หนังสือใบสุทธิหรือหนังสือประจำตัวของพระ ของพระองค์ สมุดบันทึกพระประวัติ หลักธรรมะซึ่งทรงบันทึกด้วยลายพระหัตถ์ รวมถึงบรรยากาศในการพระราชทานเพลิงพระศพจำนวนกว่า 5 หมื่นเล่ม เพื่อแจกประชาชนที่มาสักการะ” พระศากยวงศ์วิสุทธิ์ กล่าว
และว่า เมื่อทางวัดปิดสักการะพระอัฐิแล้ว ประชาชาสามารถกราบพระรูปเหมือนสมเด็จพระสังฆราช ที่ประดิษฐาน ณ อาคารมนุษยนาควิทยาทานทุกวันเสาร์-อาทิตย์ จนกว่าอาคาร 100 ปี สมเด็จพระสังฆราช จะแล้วเสร็จ จึงจะอัญเชิญไปประดิษฐานยังอาคารหลังดังกล่าวต่อไป
