นายองอาจ คล้าไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรองประธานคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ไม่อนุญาตให้พรรคประชาธิปัตย์ จัดการประชุมตามที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ส่งหนังสือ ไปของให้ คสช.ทบทวนประกาศ คสช.ฉบับที่57/2557 ที่ห้ามพรรคการเมืองจัดการประชุมด้วยเหตุผล 4 ข้อ โดยเฉพาะข้อที่ 3 ที่ว่าด้วยเรื่องการระดมความคิดเห็น หาข้อสรุปในเรื่องของการร่าง รธน.เพราะขณะนี้ การนำเสนอความคิดเห็นของบุคลากรจะเป็นไปในนามบุคคลไม่ใช่ความเห็นของพรรค เราเสนอไปเพราะต้องการให้มีการประชุมเป็น ส่วนข้อ 4 ที่ขอให้พรรคมีโอกาสประชุมเพราะต้องการตรวจสอบการทำงานในท้องถิ่น ทั้งผู้บริหาร และผู้สมัครท้องถิ่นในนามพรรค
ส่วนในข้อที่เกี่ยวกับการประชุม เราไม่ได้ขอให้มีการประชุมอย่างกว้างว่าประชุมอะไรก็ได้ แบบไหนก็ได้ แต่เราระบุชัดเจนว่าถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการประชุมเราประชุมเพียง 2 เรื่องคือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับร่างรธน. และเรื่องที่ 2.คือเรื่องการติดตามตรวจสอบการทำงานผู้บริหารท้องถิ่น
นายองอาจ กล่าวต่อด้วยว่า หาก คสช. เห็นว่า หากมีการขอนุญาต แล้วทุกพรรคการเมือง จะมีการประชุมเห็นว่าทุกการเมืองก็ต้องประชุมในเรื่องการติดตามตรวจสอบการทำงานของท้องถิ่น ถ้า คสช.กังวลว่าการประชุมจะบานปลาย สามารถที่จะให้ประกาศนั้นมีความชัดเจนมากที่สุดที่ทำให้พรรคการเมืองไม่สามารถเลี่ยงบาลี หรืออทำสิ่งที่ก่อให้เกิดปัญหาได้ และหาก คสช.ต้องการ ให้ตนไปชี้แจงในรายละเอียดต่างๆ นั้นตนก็พร้อมไปชี้แจง
ส่วนในข้อที่เกี่ยวกับการประชุม เราไม่ได้ขอให้มีการประชุมอย่างกว้างว่าประชุมอะไรก็ได้ แบบไหนก็ได้ แต่เราระบุชัดเจนว่าถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการประชุมเราประชุมเพียง 2 เรื่องคือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับร่างรธน. และเรื่องที่ 2.คือเรื่องการติดตามตรวจสอบการทำงานผู้บริหารท้องถิ่น
นายองอาจ กล่าวต่อด้วยว่า หาก คสช. เห็นว่า หากมีการขอนุญาต แล้วทุกพรรคการเมือง จะมีการประชุมเห็นว่าทุกการเมืองก็ต้องประชุมในเรื่องการติดตามตรวจสอบการทำงานของท้องถิ่น ถ้า คสช.กังวลว่าการประชุมจะบานปลาย สามารถที่จะให้ประกาศนั้นมีความชัดเจนมากที่สุดที่ทำให้พรรคการเมืองไม่สามารถเลี่ยงบาลี หรืออทำสิ่งที่ก่อให้เกิดปัญหาได้ และหาก คสช.ต้องการ ให้ตนไปชี้แจงในรายละเอียดต่างๆ นั้นตนก็พร้อมไปชี้แจง