นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมสินค้าได้จำนวนมากกว่า1แสนชิ้น ซึ่งเป็นการจับสินค้าล็อตใหญ่ที่สุด จากการตรวจสอบพบว่า สินค้าที่จับได้ เป็นสินค้าทั้งของจริง และของปลอมที่ทำเลียนแบบ มีมูลค่าที่ทำความเสียหายทางเศรษฐกิจของประเทศไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท
ทั้งนี้ เมื่อคืนนี้ เวลา 01.30น. เจ้าหน้าที่สืบสวนปรามปราม 2 สำนักงานสืบสวน และปราบปราม กรมศุลกากร สืบทราบว่าจะมีการลักลอบขนสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา จึงได้เฝ้าติดตามรถบรรทุก 2 คัน ที่คาดว่าจะเป็นรถต้องสงสัยที่เดินทางออกมาจากจังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อนำสินค้าทั้งหมดไปส่งแถวถนนพระราม2 ระหว่างทางเมื่อรถบรรทุก 2คันขับมาถึงถนนมอเตอร์เวย์ ระหว่างบางปะกง-ลาดกระบัง เจ้าหน้าที่จึงได้ขอเข้าตรวจค้น พบว่าภายในรถบรรทุกทั้ง 2คัน พบสินค้าลักลอบหนีภาษี จำนวนมาก เช่นโทรศัพท์มือถือยี่ห้อดังพร้อมกล่องอุปกรณ์ กว่า 2,471ชิ้น,เครื่องเล่นเกมส์แบบพกพา แท็บเล็ต เครื่องสำอาง เสื้อผ้า ของเล่นเด็ก กระเป๋า รองเท้า อุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ และอุปกรณ์กีฬา เป็นต้น รวมของกลางประมาณ 1แสนชิ้น โดยมีมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 100ล้านบาท เจ้าหน้าที่จึงดำเนินคดีกับนายบรรจง แสงพงษ์ และนายจันทร์ ถินคำเชิด คนขับรถบรรทุกทั้ง 2คัน
ทั้งนี้ จากการสอบสวนทั้งสองยอมรับว่า ได้รับการว่าจ้างให้ขับรถไปรับของที่โกดังแห่งหนึ่งในจังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อนำไปส่งแถวถนนพระราม2 แต่ระหว่างขับมาถูกจับกุมได้เสียก่อน หลังจากนี้เจ้าหน้าที่ยึดสินค้าและรถบรรทุกทั้ง 2คันเพื่อเป็นของกลาง และดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้ง 2คนในเบื้องต้น และอยู่ระหว่างสอบปากคำเพิ่มเติมขยายผลไปถึงผู้บงการ
ทั้งนี้ เมื่อคืนนี้ เวลา 01.30น. เจ้าหน้าที่สืบสวนปรามปราม 2 สำนักงานสืบสวน และปราบปราม กรมศุลกากร สืบทราบว่าจะมีการลักลอบขนสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา จึงได้เฝ้าติดตามรถบรรทุก 2 คัน ที่คาดว่าจะเป็นรถต้องสงสัยที่เดินทางออกมาจากจังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อนำสินค้าทั้งหมดไปส่งแถวถนนพระราม2 ระหว่างทางเมื่อรถบรรทุก 2คันขับมาถึงถนนมอเตอร์เวย์ ระหว่างบางปะกง-ลาดกระบัง เจ้าหน้าที่จึงได้ขอเข้าตรวจค้น พบว่าภายในรถบรรทุกทั้ง 2คัน พบสินค้าลักลอบหนีภาษี จำนวนมาก เช่นโทรศัพท์มือถือยี่ห้อดังพร้อมกล่องอุปกรณ์ กว่า 2,471ชิ้น,เครื่องเล่นเกมส์แบบพกพา แท็บเล็ต เครื่องสำอาง เสื้อผ้า ของเล่นเด็ก กระเป๋า รองเท้า อุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ และอุปกรณ์กีฬา เป็นต้น รวมของกลางประมาณ 1แสนชิ้น โดยมีมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 100ล้านบาท เจ้าหน้าที่จึงดำเนินคดีกับนายบรรจง แสงพงษ์ และนายจันทร์ ถินคำเชิด คนขับรถบรรทุกทั้ง 2คัน
ทั้งนี้ จากการสอบสวนทั้งสองยอมรับว่า ได้รับการว่าจ้างให้ขับรถไปรับของที่โกดังแห่งหนึ่งในจังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อนำไปส่งแถวถนนพระราม2 แต่ระหว่างขับมาถูกจับกุมได้เสียก่อน หลังจากนี้เจ้าหน้าที่ยึดสินค้าและรถบรรทุกทั้ง 2คันเพื่อเป็นของกลาง และดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้ง 2คนในเบื้องต้น และอยู่ระหว่างสอบปากคำเพิ่มเติมขยายผลไปถึงผู้บงการ