นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยปี 2559 จะขยายตัวได้ 3% โดยการลงทุนภาครัฐยังเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จากการผลักดันโครงการโครงสร้างพื้นฐาน 20 โครงการ มูลค่ารวม 1.77 ล้านล้านบาท ขณะเดียวกันรัฐบาลยังตั้งงบลงทุนอีก 5.44 แสนล้านบาท สูงกว่าปี 2557 ถึงร้อยละ 20.7 รวมทั้งยังมีมาตรการต่างๆ เพื่อช่วยเหลือทางการเงินแก่ SMEs และภาคการท่องเที่ยวยังขยายตัวได้ดี
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยงจากปัญหาภัยแล้งและหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันการบริโภคจึงต้องติดตามมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐว่า จะเข้ามาช่วยประคับประคองได้มากน้อยเพียงใด ขณะเดียวกันเศรษฐกิจโลกยังมีแนวโน้มฟื้นตัวในกรอบจำกัด โดยเฉพาะการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนที่ยังเป็นปัจจัยกดดันการฟื้นตัวของการส่งออกของไทยในปีหน้า แต่หากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ผ่านจุดต่ำสุดและเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น คาดว่าการส่งออกของไทยปี 2559 จะกลับมาขยายตัวได้เล็กน้อยที่ประมาณร้อยละ 2 ด้านการค้าชายแดนยังมีศักยภาพที่ดี ประกอบกับภาครัฐมีมาตรการกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชนในเขตเศรษฐกิจพิเศษทั้งในพื้นที่การค้าชายแดนและซูเปอร์คลัสเตอร์ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจการค้าในพื้นที่ดังกล่าวขยายตัวได้ดี โดยธนาคารตั้งเป้าหมายสินเชื่อรวมปี 2559 เติบโต 6-7% อัตราส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้รวม โต 45-47% และอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินในสินเชื่อรวมหรือ NPL อยู่ที่ 3.5-3.6%
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยงจากปัญหาภัยแล้งและหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันการบริโภคจึงต้องติดตามมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐว่า จะเข้ามาช่วยประคับประคองได้มากน้อยเพียงใด ขณะเดียวกันเศรษฐกิจโลกยังมีแนวโน้มฟื้นตัวในกรอบจำกัด โดยเฉพาะการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนที่ยังเป็นปัจจัยกดดันการฟื้นตัวของการส่งออกของไทยในปีหน้า แต่หากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ผ่านจุดต่ำสุดและเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น คาดว่าการส่งออกของไทยปี 2559 จะกลับมาขยายตัวได้เล็กน้อยที่ประมาณร้อยละ 2 ด้านการค้าชายแดนยังมีศักยภาพที่ดี ประกอบกับภาครัฐมีมาตรการกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชนในเขตเศรษฐกิจพิเศษทั้งในพื้นที่การค้าชายแดนและซูเปอร์คลัสเตอร์ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจการค้าในพื้นที่ดังกล่าวขยายตัวได้ดี โดยธนาคารตั้งเป้าหมายสินเชื่อรวมปี 2559 เติบโต 6-7% อัตราส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้รวม โต 45-47% และอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินในสินเชื่อรวมหรือ NPL อยู่ที่ 3.5-3.6%
