นิตยสารอย่างเป็นทางการของพวกรัฐอิสลาม(ไอเอส) ในวันพุธ(18พ.ย.) เผยแพร่ภาพสิ่งที่พวกเขาอ้างว่าเป็นระเบิดแสวงเครื่องที่ใช้ระเบิดเครื่องบินของเมโทรเจ็ตเหนือคาบสมุทรไซนายเมื่อเดือนก่อน คร่าชีวิตยกลำ 224 ศพ ระบุเดิมทีเล็งเป้าที่สายการบินพันธมิตรสหัฐฯ แต่เปลี่ยนใจหันมาถล่มสายการบินรัสเซีย เพราะมอสโกเริ่มลงมือโจมตีทางอากาศในซีเรียเช่นกัน
ภาพถ่ายบนนิตยสารดาบิก เป็นภาพของกระป๋องน้ำอัดลมยี่ห้อชเวปส์ โกลด์ รวมถึงบางอย่างที่น่าจะเป็นจุดชนวนและสวิตช์ วางอยู่บนผ้าสีน้ำเงิน "พวกครูเสดผู้แบ่งแยกแห่งตะวันออกและตะวันตก คิดว่าตนเองปลอดภัยบนเครื่องบินของพวกเขา ในขณะที่พวกเขาดำเนินการอย่างขี้ขลาดทิ้งระเบิดใส่ชาวมุสลิมแห่งกาหลิบ" นิตยสารระบุ "ดังนั้นเราจึงแก้แค้นโดยตรงกับพวกที่รู้สึกว่ามีความปลอดภัยในห้องโดยสาร"
นอกจากนี้แล้วทางกลุ่มยังเผยแพร่ภาพถ่ายซึ่งพวกเขาอ้างว่าเป็นพาสปอร์ตของเหล่าชาวรัสเซียที่เสียชีวิตที่พวกนักรบมูจาฮีดีนได้มา อย่างไรก็ตามทางรอยเตอร์บอกว่าเบื้องต้นเป็นเรื่องยากที่จะพิสูจน์ว่าภาพต่างๆที่เผยแพร่ในนิตยสารดาบิกนั้นเป็นของจริงหรือไม่
ไอเอสบอกด้วยว่าพวกเขาใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ในมาตรการรักษาความปลอดภัยของสนามบินชาร์ม เอล-ชัยค์ ต้นทางของเครื่องบินแอร์บัส 321 สำหรับลักลอบนำระเบิดขึ้นเครื่อง โดยเบื้องต้นมีแผนที่จะระเบิดเครื่องบินของสายการบินประเทศใดประเทศหนึ่งซึ่งเข้าร่วมในพันธมิตรนานาชาติที่นำโดยสหรัฐฯ ซึ่งกำลังปฏิบัติการถล่มทางอากาศในซีเรียและอิรัก แต่ได้เปลี่ยนใจหลังมอสโก เริ่มโจมตีทางอากาศในซีเรียเช่นกัน
"ระเบิดถูกลอบนำขึ้นเครื่องบิน นำไปสู่การตายของพวกครูเสดรัสเซีย 219 คนและพวกครูเสดอื่นๆอีก 5 คน ไม่กี่เดือนหลังการตัดสินใจอันสะเพร่าของรัสเซีย" ไอเอสระบุในนิตยสารดาบิก
รัสเซียบอกเมื่อวันอังคาร(17พ.ย.) ว่าเครื่องบินถูกวางระเบิดและประกาศไล่ล่ามือโจมตี นับเป็นการยืนยันข้อสันนิษฐานที่ทางอังกฤษและสหรัฐฯหยิบยกขึ้นมาก่อนหน้านี้ แม้ว่าอียิปต์ยังไม่สรุปถึงต้นตอของโศกนาฏกรรมดังกล่าว โดยบอกว่าคณะสืบสวนยังไม่พบสาเหตุที่แน่ชัด
ภาพถ่ายบนนิตยสารดาบิก เป็นภาพของกระป๋องน้ำอัดลมยี่ห้อชเวปส์ โกลด์ รวมถึงบางอย่างที่น่าจะเป็นจุดชนวนและสวิตช์ วางอยู่บนผ้าสีน้ำเงิน "พวกครูเสดผู้แบ่งแยกแห่งตะวันออกและตะวันตก คิดว่าตนเองปลอดภัยบนเครื่องบินของพวกเขา ในขณะที่พวกเขาดำเนินการอย่างขี้ขลาดทิ้งระเบิดใส่ชาวมุสลิมแห่งกาหลิบ" นิตยสารระบุ "ดังนั้นเราจึงแก้แค้นโดยตรงกับพวกที่รู้สึกว่ามีความปลอดภัยในห้องโดยสาร"
นอกจากนี้แล้วทางกลุ่มยังเผยแพร่ภาพถ่ายซึ่งพวกเขาอ้างว่าเป็นพาสปอร์ตของเหล่าชาวรัสเซียที่เสียชีวิตที่พวกนักรบมูจาฮีดีนได้มา อย่างไรก็ตามทางรอยเตอร์บอกว่าเบื้องต้นเป็นเรื่องยากที่จะพิสูจน์ว่าภาพต่างๆที่เผยแพร่ในนิตยสารดาบิกนั้นเป็นของจริงหรือไม่
ไอเอสบอกด้วยว่าพวกเขาใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ในมาตรการรักษาความปลอดภัยของสนามบินชาร์ม เอล-ชัยค์ ต้นทางของเครื่องบินแอร์บัส 321 สำหรับลักลอบนำระเบิดขึ้นเครื่อง โดยเบื้องต้นมีแผนที่จะระเบิดเครื่องบินของสายการบินประเทศใดประเทศหนึ่งซึ่งเข้าร่วมในพันธมิตรนานาชาติที่นำโดยสหรัฐฯ ซึ่งกำลังปฏิบัติการถล่มทางอากาศในซีเรียและอิรัก แต่ได้เปลี่ยนใจหลังมอสโก เริ่มโจมตีทางอากาศในซีเรียเช่นกัน
"ระเบิดถูกลอบนำขึ้นเครื่องบิน นำไปสู่การตายของพวกครูเสดรัสเซีย 219 คนและพวกครูเสดอื่นๆอีก 5 คน ไม่กี่เดือนหลังการตัดสินใจอันสะเพร่าของรัสเซีย" ไอเอสระบุในนิตยสารดาบิก
รัสเซียบอกเมื่อวันอังคาร(17พ.ย.) ว่าเครื่องบินถูกวางระเบิดและประกาศไล่ล่ามือโจมตี นับเป็นการยืนยันข้อสันนิษฐานที่ทางอังกฤษและสหรัฐฯหยิบยกขึ้นมาก่อนหน้านี้ แม้ว่าอียิปต์ยังไม่สรุปถึงต้นตอของโศกนาฏกรรมดังกล่าว โดยบอกว่าคณะสืบสวนยังไม่พบสาเหตุที่แน่ชัด
