นายเขมญาติ ยมานันตกุล ผู้อำนวยการโรงไฟฟ้าภาคใต้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า กฟผ. ได้เดินหน้าช่วยเหลือชาวเกษตรกรสวนปาล์ม จังหวัดกระบี่ จากปัญหาราคาผลปาล์มตกต่ำ และล้นตลาดอย่างต่อเรื่อง โดยโรงไฟฟ้ากระบี่ ได้รับซื้อน้ำมันปาล์มช่วงเดือนตุลาคม - ธันวาคม เพิ่มอีกจำนวนทั้งสิ้น 15,000 ตัน ซึ่งจะนำน้ำมันปาล์มดิบดังกล่าวมาใช้เป็นเชื้อเพลิงร่วมกับน้ำมันเตาในการผลิตไฟฟ้า แบ่งเป็นปริมาณน้ำมันปาล์มร้อยละ 23 และน้ำมันเตาร้อยละ 77 ซึ่งจะทำการเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าจนสิ้นสุดวันที่ 25 ธันวาคมนี้ โดยปัจจุบันมีการใช้น้ำมันปาล์มดิบมาผลิตไฟฟ้าประมาณ 200 ตันต่อวัน
ทั้งนี้ นายเขมญาติ กล่าวว่า กฟผ. ยินดีที่ได้ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรในการนำน้ำมันปาล์มดิบมาใช้เป็นเชื้อเพลิง ซึ่งจะช่วยดูดซับน้ำมันปาล์มที่ล้นตลาดในขณะนี้ และช่วยพยุงราคาน้ำมันปาล์มดิบให้สูงขึ้น ซึ่งพบว่า ล่าสุดได้มีการปรับเพิ่มขึ้นจากเดิม 23 บาทต่อกิโลกรัม มาอยู่ที่ราคาเฉลี่ย 24 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งทำให้เกษตรกรพึงพอใจและต้องการให้ กฟผ. ดำเนินโครงการดังกล่าวต่อเนื่อง แต่ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับนโยบายของที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ แต่หากมีการใช้น้ำมันปาล์มผลิตไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อค่าเอฟที จากปัจจุบันที่มีค่าเอฟที จากการใช้น้ำมันปาล์มผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นประมาณ 0.1 สตางค์ต่อหน่วย
ทั้งนี้ นายเขมญาติ กล่าวว่า กฟผ. ยินดีที่ได้ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรในการนำน้ำมันปาล์มดิบมาใช้เป็นเชื้อเพลิง ซึ่งจะช่วยดูดซับน้ำมันปาล์มที่ล้นตลาดในขณะนี้ และช่วยพยุงราคาน้ำมันปาล์มดิบให้สูงขึ้น ซึ่งพบว่า ล่าสุดได้มีการปรับเพิ่มขึ้นจากเดิม 23 บาทต่อกิโลกรัม มาอยู่ที่ราคาเฉลี่ย 24 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งทำให้เกษตรกรพึงพอใจและต้องการให้ กฟผ. ดำเนินโครงการดังกล่าวต่อเนื่อง แต่ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับนโยบายของที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ แต่หากมีการใช้น้ำมันปาล์มผลิตไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อค่าเอฟที จากปัจจุบันที่มีค่าเอฟที จากการใช้น้ำมันปาล์มผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นประมาณ 0.1 สตางค์ต่อหน่วย
