นางสาลินี วังตาล ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) และประธานกรรมการบริหารธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอีแบงก์) เปิดเผยผลการดำเนินงานศูนย์ให้บริการเอสเอ็มอีครบวงจร ( OSS) ในโอกาสการเดินทางตรวจเยี่ยมศูนย์ OSS เขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด จังหวัดตาก เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายนที่ผ่านมาว่า จากการที่รัฐบาลให้ความสำคัญส่งเสริมเอสเอ็มอี และมีมาตรการต่างๆ สนับสนุน เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี สสว. ได้จัดตั้งศูนย์ให้บริการ SME OSS CENTER จำนวน 7 แห่ง ในเขตเศรษฐกิจพิเศษและกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสนใจขอรับบริการจำนวนมากทุกช่องทาง ทั้งการขอรับคำปรึกษาผ่านโทรศัพท์ การขอรับคำปรึกษากับที่ปรึกษาประจำศูนย์ การขอรับคำปรึกษาผ่านบริการโซเชียลมีเดีย รวมกว่า 4,700 ราย ในเวลาเพียง 3 เดือนเศษที่เปิดดำเนินการ โดยมีผลการดำเนินการที่น่าพอใจ
ทั้งนี้ ผู้รับบริการผ่านโทรศัพท์ 2,490 ราย ผู้รับบริการผ่านระบบโซเชียลมีเดีย (ออนไลน์) 1,067 ราย ผู้รับบริการคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ ณ ศูนย์บริการ 1,187 ราย สามารถส่งต่อผู้รับบริการขอสินเชื่อ Soft Loan ตามนโยบายรัฐบาล 109 ราย 5 อันดับที่ผู้ประกอบการ SME ให้ความสนใจและขอรับบริการสูงที่สุด ได้แก่ การเข้าถึงแหล่งเงินทุน ร้อยละ 31.7 การตลาดภายในและต่างประเทศ ร้อยละ 23.2 การผลิตและมาตรฐาน ร้อยละ 21.5 การบริหารจัดการธุรกิจ ร้อยละ 20.1 และกฎหมายและสิทธิประโยชน์ ร้อยละ 3.8
นางสาลินี กล่าวอีกว่า จากแนวโน้มการรับบริการที่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้ความสนใจรับบริการจากศูนย์มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ สสว.พิจารณาพื้นที่ในการจัดตั้งศูนย์ให้บริการ SME OSS CENTER เพิ่มอีก 4 แห่ง เพื่อรองรับและให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการในพื้นที่ประสบภัยแล้ว 3 จังหวัด คือ สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา และ นนทบุรี และในกรุงเทพมหานคร ณ สำนักงานใหญ่เอสเอ็มอีแบงก์ เพื่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถเข้าถึงการให้บริการของหน่วยงานภาครัฐได้อย่างสะดวกมากขึ้น โดยจะเปิดให้บริการภายในต้นเดือนธันวาคมนี้
ทั้งนี้ ผู้รับบริการผ่านโทรศัพท์ 2,490 ราย ผู้รับบริการผ่านระบบโซเชียลมีเดีย (ออนไลน์) 1,067 ราย ผู้รับบริการคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ ณ ศูนย์บริการ 1,187 ราย สามารถส่งต่อผู้รับบริการขอสินเชื่อ Soft Loan ตามนโยบายรัฐบาล 109 ราย 5 อันดับที่ผู้ประกอบการ SME ให้ความสนใจและขอรับบริการสูงที่สุด ได้แก่ การเข้าถึงแหล่งเงินทุน ร้อยละ 31.7 การตลาดภายในและต่างประเทศ ร้อยละ 23.2 การผลิตและมาตรฐาน ร้อยละ 21.5 การบริหารจัดการธุรกิจ ร้อยละ 20.1 และกฎหมายและสิทธิประโยชน์ ร้อยละ 3.8
นางสาลินี กล่าวอีกว่า จากแนวโน้มการรับบริการที่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้ความสนใจรับบริการจากศูนย์มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ สสว.พิจารณาพื้นที่ในการจัดตั้งศูนย์ให้บริการ SME OSS CENTER เพิ่มอีก 4 แห่ง เพื่อรองรับและให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการในพื้นที่ประสบภัยแล้ว 3 จังหวัด คือ สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา และ นนทบุรี และในกรุงเทพมหานคร ณ สำนักงานใหญ่เอสเอ็มอีแบงก์ เพื่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถเข้าถึงการให้บริการของหน่วยงานภาครัฐได้อย่างสะดวกมากขึ้น โดยจะเปิดให้บริการภายในต้นเดือนธันวาคมนี้