เมื่อวันที่ 4 พ.ย. 58 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเร่งรัดดำเนินคดีฟิลลิป มอร์ริส บริษัทบุหรี่ ข้ามชาติที่แจ้งราคานำเข้าบุหรี่ต่ำกว่าราคาที่แท้จริง เพื่อหลบเลี่ยงการเสียภาษีว่า เป็นเรื่องของอัยการว่าจะดำเนินการอย่างไร โดยคดีนี้เป็น 1 ใน 12 คดี ที่ตนเคยรายงานให้คณะรัฐมนตรี(ครม.)รับทราบ ซึ่งอัยการสูงสุด(อสส.) จะยื่นฟ้องคดีดังกล่าวต่อศาลในวันที่ 25 พ.ย.นี้ ส่วนที่ผู้ถูกกล่าวหาได้กล่าวอ้างถึงองค์การการค้าโลก(ดับเบิลยูทีโอ) ว่าดับเบิลยูทีโอมีคำตัดสินว่า ทางบริษัทฯ ไม่ผิด และประเทศไทยผิดต่อบริษัทฯ นั้น เขาอ้างโดยมีเหตุผลของเขา ซึ่งตนไม่กล้าตอบว่าฟังได้หรือไม่ได้ ซึ่งประเด็นเกี่ยวกับการค้าโลกเป็นเรื่องละเอียดอ่อนเกินกว่าที่จะอธิบายให้ฟังอย่างสั้นๆ ได้ในเวลาจำกัด
นายวิษณุ กล่าวต่อว่า ขอให้ผู้มีความรู้ในเรื่องนี้ไปทำการบ้านก่อนว่าคำตัดสินของดับเบิลยูทีโอนั้นผูกพันกับประเทศไทยเพียงใดหรือไม่ และถ้าหากเราไม่ทำตามจะเกิดอะไรขึ้น และที่สำคัญคือเรื่องที่ดับเบิลยูทีโอตัดสิน ตนยังมีความสงสัยอยู่ประเด็นมีทั้งหมด 3 ข้อ 1.ดับเบิลยูทีโอตัดสินแล้วหรือไม่ ซึ่งเขาตัดสินว่าไทยแพ้ หากเป็นเรื่องนั้นจริงเราทำอะไรไม่ได้แล้ว แต่กำลังให้ดูว่าเป็นเรื่องเดียวกันหรือไม่ 2.หากเป็นเรื่องเดียวกันเราจะมีช่องทางในการอุทธรณ์หรือไม่ 3.หากไม่ทำตามจะเกิดอะไรขึ้น หากมีอะไรเกิดขึ้น แต่คุ้มที่จะไม่ทำตาม ก็น่าเสี่ยง หากไม่คุ้มต้องคิดอีกแบบ อย่างไรก็ตาม คดีของรัฐ 12 คดี ตนไม่ได้เป็นเจ้าภาพผู้รับผิดชอบ แต่มีหน้าที่รวบรวมข้อมูลเพื่อให้ ครม.รับทราบ และตอบคำถามข้อสงสัยต่อ ครม.คดีเหล่านี้ เช่น โครงการโรงบำบัดน้ำเสียคลองด่าน โครงการรับจำนำข้าว เป็นต้น
ด้านนายพงศธร อังศุสิงห์ ผู้อำนวยการแผนกบรรษัทสัมพันธ์ ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ดได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการรายงานข่าวกรณีพิพาทในประเด็นภาษีศุลกากรว่า
“รายงานข่าวที่ได้ปรากฏขึ้นอีกเมื่อเร็วๆ นี้ได้ละเลยต่อข้อเท็จจริงที่ว่าราคานำเข้าที่บริษัทสำแดงได้รับการตรวจสอบทั้งจากหน่วยงานราชการไทยเองและหน่วยงานระหว่างประเทศที่มีความเชี่ยวชาญและอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบเรื่องราคาศุลกากร โดยหน่วยงานเหล่านี้ทั้งหมดได้มีข้อสรุปว่าบริษัทไม่พบว่ามีการกระทำผิดใดๆ”
ทั้งนี้ ในกรณีข้อพิพาทการค้าระหว่างฟิลิปปินส์กับประเทศไทย คณะทำงานระงับข้อพิพาทได้มีคำวินิจฉัยให้ประเทศไทยแพ้ในปี 2553 และระบุอย่างชัดเจนว่าประเทศไทยไม่มีมูลเหตุอันชอบธรรมที่จะปฏิเสธราคาสำแดงของบุหรี่ที่นำเข้าจากฟิลิปปินส์ เรื่องพิพาทดังกล่าวยังคงอยู่ในการติดตามของคณะทำงานระงับข้อพิพาทขององค์การการค้าโลกเนื่องจากยังมีประเด็นทางการค้าที่ประเทศไทยยังไม่ปฏิบัติตามให้สอดคล้องกับคำวินิจฉัยขององค์การการค้าโลกอย่างครบถ้วนแม้จะมีการร้องขอจากทางรัฐบาลฟิลิปปินส์อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด
นายวิษณุ กล่าวต่อว่า ขอให้ผู้มีความรู้ในเรื่องนี้ไปทำการบ้านก่อนว่าคำตัดสินของดับเบิลยูทีโอนั้นผูกพันกับประเทศไทยเพียงใดหรือไม่ และถ้าหากเราไม่ทำตามจะเกิดอะไรขึ้น และที่สำคัญคือเรื่องที่ดับเบิลยูทีโอตัดสิน ตนยังมีความสงสัยอยู่ประเด็นมีทั้งหมด 3 ข้อ 1.ดับเบิลยูทีโอตัดสินแล้วหรือไม่ ซึ่งเขาตัดสินว่าไทยแพ้ หากเป็นเรื่องนั้นจริงเราทำอะไรไม่ได้แล้ว แต่กำลังให้ดูว่าเป็นเรื่องเดียวกันหรือไม่ 2.หากเป็นเรื่องเดียวกันเราจะมีช่องทางในการอุทธรณ์หรือไม่ 3.หากไม่ทำตามจะเกิดอะไรขึ้น หากมีอะไรเกิดขึ้น แต่คุ้มที่จะไม่ทำตาม ก็น่าเสี่ยง หากไม่คุ้มต้องคิดอีกแบบ อย่างไรก็ตาม คดีของรัฐ 12 คดี ตนไม่ได้เป็นเจ้าภาพผู้รับผิดชอบ แต่มีหน้าที่รวบรวมข้อมูลเพื่อให้ ครม.รับทราบ และตอบคำถามข้อสงสัยต่อ ครม.คดีเหล่านี้ เช่น โครงการโรงบำบัดน้ำเสียคลองด่าน โครงการรับจำนำข้าว เป็นต้น
ด้านนายพงศธร อังศุสิงห์ ผู้อำนวยการแผนกบรรษัทสัมพันธ์ ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ดได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการรายงานข่าวกรณีพิพาทในประเด็นภาษีศุลกากรว่า
“รายงานข่าวที่ได้ปรากฏขึ้นอีกเมื่อเร็วๆ นี้ได้ละเลยต่อข้อเท็จจริงที่ว่าราคานำเข้าที่บริษัทสำแดงได้รับการตรวจสอบทั้งจากหน่วยงานราชการไทยเองและหน่วยงานระหว่างประเทศที่มีความเชี่ยวชาญและอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบเรื่องราคาศุลกากร โดยหน่วยงานเหล่านี้ทั้งหมดได้มีข้อสรุปว่าบริษัทไม่พบว่ามีการกระทำผิดใดๆ”
ทั้งนี้ ในกรณีข้อพิพาทการค้าระหว่างฟิลิปปินส์กับประเทศไทย คณะทำงานระงับข้อพิพาทได้มีคำวินิจฉัยให้ประเทศไทยแพ้ในปี 2553 และระบุอย่างชัดเจนว่าประเทศไทยไม่มีมูลเหตุอันชอบธรรมที่จะปฏิเสธราคาสำแดงของบุหรี่ที่นำเข้าจากฟิลิปปินส์ เรื่องพิพาทดังกล่าวยังคงอยู่ในการติดตามของคณะทำงานระงับข้อพิพาทขององค์การการค้าโลกเนื่องจากยังมีประเด็นทางการค้าที่ประเทศไทยยังไม่ปฏิบัติตามให้สอดคล้องกับคำวินิจฉัยขององค์การการค้าโลกอย่างครบถ้วนแม้จะมีการร้องขอจากทางรัฐบาลฟิลิปปินส์อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด
