ภายหลังจากที่มีการเผยแพร่ภาพผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ขณะที่ชาวบ้านขับเรือหางยาว เข้ามาช่วยเหลือสามีภรรยาชาวนอร์เวย์ ซึ่งติดโคลนบริเวณริมแม่น้ำกระบี่ ต.ปากน้ำ อ.เมืองกระบี่ จ.กระบี่ ช่วงเช้าวันที่ 16 ตุลาคม โดยคนขับเรือเข้าไปช่วยเหลือ นักท่องเที่ยวต่างชาติสองสามีภรรยา ที่กำลังจมโคลนระหว่างตั้งขากล้องถ่ายภาพด้วยการนอนคว่ำหน้าลงบนโคลนให้ชาวต่างชาติทั้งสองปีนขึ้นหลังพยุงออกจากโคลนทีละคนจนสำเร็จ ก่อนเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นมีการแชร์คลิปอย่างมากมายผู้คนในโลกออนไลน์แสดงความชื่นชมกันเป็นจำนวนมากหลายหน่วยงานรวมทั้งสองสามีภรรยาชาวต่างชาติที่ได้รับการช่วยเหลือติดตามตัวฮีโร่ดังกล่าวเพื่อขอบคุณและตอบแทนความมีน้ำใจ
ต่อมาในวันที่ 17 ตุลาคม มีรายงานข่าวแจ้งว่าผู้ที่ช่วยสองสามีภรรยาดังกล่าว คือนายชัช อุบลจินดา อายุ 44 ปี อาชีพทำประมงพื้นบ้าน อยู่บ้านเลขที่ 44/30 ถนนคูเมือง ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.กระบี่ เดินทางไปตรวจสอบ พบนายชัดอยู่หน้าบ้านเป็นห้องแถวชั้นเดียวที่ปลูกติดกัน 5 หลังริมป่าชายเลน โดยนายชัช กล่าวว่า ไม่คาดคิดมาก่อนว่ามีคนถ่ายภาพอยู่และเป็นข่าวดัง เล่าว่าขณะขับเรือกลับจากหาปลา เห็นชาวต่างชาติชายหญิง 2 คนกำลังพยายามขึ้นจากโคลนแต่ขึ้นไม่ได้ ตัดสินใจพุ่งเรือเข้าไปช่วย แต่เรือวิ่งเข้าไปไม่ถึงเพราะน้ำตื้นจึงเดินฝ่าโคลนเข้าไปช่วย
"เข้าไปเก็บขากล้องและกระเป๋าไปไว้ฝั่งแล้วไปดึงขึ้นมา แต่ดึงขึ้นไม่ได้ ตัดสินใจลองนอนคว่ำให้ผู้หญิงปีนขึ้นมา สำเร็จเพราะน้ำหนักไม่เยอะ แต่พอผู้ชายรู้สึกปวดหลังมาก แต่ก็ทนไว้จนกระทั่งขึ้นมาได้จากนั้นรีบเดินฝ่าโคลนไปขึ้นเรือกลับบ้านเพราะถ้าเดินช้าโคลนจะดูด และเกิดอาการคัน ไม่ได้คิดอะไรมาก ไม่ได้หวังสิ่งตอบแทน เห็นคนกำลังตกอยู่ในความลำบาก คิดอย่างเดียวว่าช่วยเขาแล้วได้บุญ"
รายงานข่าวแจ้งว่าวันนี้ (17 ต.ค.2558) นายพินิจ บุญเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ และนักท่องเที่ยวสามีภรรยาชาวนอร์เวย์ 2 คน ได้ไปที่บ้านนายชัช อุบลจินดา อาชีพช่างตอกเสาเข็ม ต.ปากน้ำ อ.เมืองกระบี่ จ.กระบี่ เพื่อแสดงความขอบคุณที่เข้าไปช่วยเหลือในเหตุการณ์ดังกล่าว โดยผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ มอบช่อดอกไม้และกล่าวขอบคุณที่นายชัชทำความดีสร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัด ขณะที่นักท่องเที่ยวได้มอบเงินตอบแทนให้นายชัช
สองสามีภรรยากล่าวชื่นชมนายชัช เข้าไปกอดด้วยความซาบซึ้ง ทั้งสองเล่าว่า ตอนนั้นช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เพราะถูกโคลนดูดลงไปเรื่อยๆ จนถึงต้นขา โชคดีที่ได้นายชัชมาช่วยไว้ หลังขึ้นฝั่งพยายามตามหานายชัช จนได้รับการประสานจากเจ้าที่เทศบาลเมืองกระบี่มาพบนายชัชอย่างที่ตั้งใจ
ด้านนายชัช บอกว่า ขณะออกไปทอดแห เห็นนักท่องเที่ยว 2 คนจมโคลนและไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ จึงเข้าช่วยเหลือ และเมื่อช่วยเสร็จก็กลับขึ้นเรือทันที โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนแต่อย่างใด
หลังจากนั้นมีการแชร์คลิปอย่างมากมายผู้คนในโลกออนไลน์แสดงความชื่นชมกันเป็นจำนวนมากหลายหน่วยงานรวมทั้งสองสามีภรรยาชาวต่างชาติที่ได้รับการช่วยเหลือติดตามตัวฮีโร่ดังกล่าวเพื่อขอบคุณและตอบแทนความมีน้ำใจ
ต่อมาในวันที่ 17 ตุลาคม มีรายงานข่าวแจ้งว่าผู้ที่ช่วยสองสามีภรรยาดังกล่าว คือนายชัช อุบลจินดา อายุ 44 ปี อาชีพทำประมงพื้นบ้าน อยู่บ้านเลขที่ 44/30 ถนนคูเมือง ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.กระบี่ เดินทางไปตรวจสอบ พบนายชัดอยู่หน้าบ้านเป็นห้องแถวชั้นเดียวที่ปลูกติดกัน 5 หลังริมป่าชายเลน โดยนายชัช กล่าวว่า ไม่คาดคิดมาก่อนว่ามีคนถ่ายภาพอยู่และเป็นข่าวดัง เล่าว่าขณะขับเรือกลับจากหาปลา เห็นชาวต่างชาติชายหญิง 2 คนกำลังพยายามขึ้นจากโคลนแต่ขึ้นไม่ได้ ตัดสินใจพุ่งเรือเข้าไปช่วย แต่เรือวิ่งเข้าไปไม่ถึงเพราะน้ำตื้นจึงเดินฝ่าโคลนเข้าไปช่วย
"เข้าไปเก็บขากล้องและกระเป๋าไปไว้ฝั่งแล้วไปดึงขึ้นมา แต่ดึงขึ้นไม่ได้ ตัดสินใจลองนอนคว่ำให้ผู้หญิงปีนขึ้นมา สำเร็จเพราะน้ำหนักไม่เยอะ แต่พอผู้ชายรู้สึกปวดหลังมาก แต่ก็ทนไว้จนกระทั่งขึ้นมาได้จากนั้นรีบเดินฝ่าโคลนไปขึ้นเรือกลับบ้านเพราะถ้าเดินช้าโคลนจะดูด และเกิดอาการคัน ไม่ได้คิดอะไรมาก ไม่ได้หวังสิ่งตอบแทน เห็นคนกำลังตกอยู่ในความลำบาก คิดอย่างเดียวว่าช่วยเขาแล้วได้บุญ"
รายงานข่าวแจ้งว่าวันนี้ (17 ต.ค.2558) นายพินิจ บุญเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ และนักท่องเที่ยวสามีภรรยาชาวนอร์เวย์ 2 คน ได้ไปที่บ้านนายชัช อุบลจินดา อาชีพช่างตอกเสาเข็ม ต.ปากน้ำ อ.เมืองกระบี่ จ.กระบี่ เพื่อแสดงความขอบคุณที่เข้าไปช่วยเหลือในเหตุการณ์ดังกล่าว โดยผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ มอบช่อดอกไม้และกล่าวขอบคุณที่นายชัชทำความดีสร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัด ขณะที่นักท่องเที่ยวได้มอบเงินตอบแทนให้นายชัช
สองสามีภรรยากล่าวชื่นชมนายชัช เข้าไปกอดด้วยความซาบซึ้ง ทั้งสองเล่าว่า ตอนนั้นช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เพราะถูกโคลนดูดลงไปเรื่อยๆ จนถึงต้นขา โชคดีที่ได้นายชัชมาช่วยไว้ หลังขึ้นฝั่งพยายามตามหานายชัช จนได้รับการประสานจากเจ้าที่เทศบาลเมืองกระบี่มาพบนายชัชอย่างที่ตั้งใจ
ด้านนายชัช บอกว่า ขณะออกไปทอดแห เห็นนักท่องเที่ยว 2 คนจมโคลนและไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ จึงเข้าช่วยเหลือ และเมื่อช่วยเสร็จก็กลับขึ้นเรือทันที โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนแต่อย่างใด
