xs
xsm
sm
md
lg

โฆษก รบ.แจงมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯ มุ่งช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์และเศรษฐกิจโดยรวม ว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีความเชื่อมโยงกับธุรกิจอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนที่จะได้รับสิทธิประโยชน์จากการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาร้อยละ 20 ของราคาบ้านที่ซื้อ นำมาหารเฉลี่ยใช้ลดหย่อนภาษีปีละเท่ากัน ต่อเนื่องเป็นเวลา 5 ปี และจากอัตราค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิ์ รวมถึงการจดจำนองที่ลดลงเหลือเพียงร้อยละ 0.01 ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนให้มีเงินเหลือพอที่จะนำไปจับจ่ายใช้สอยหรือซื้อสิ่งอำนวยความสะดวก ซึ่งเป็นการเพิ่มเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น

นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้กำหนดคุณสมบัติผู้ที่ซื้อบ้านจะต้องมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท และกำหนดราคาบ้านไม่เกิน 3 ล้านบาท โดยวงเงินกู้จะลดลงไปตามสัดส่วนของรายได้ คือ รายได้ไม่เกิน 10,000 บาท กู้ได้ไม่เกิน 1 ล้านบาท รายได้ไม่เกิน 20,000 บาท กู้ได้ไม่เกิน 2 ล้านบาท สูงสุด 3 ล้านบาท สำหรับรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท เพื่อให้รายได้ของผู้ซื้อมีความสอดคล้องกับราคาบ้าน ไม่เป็นภาระแก่ผู้ซื้อมากเกินไป ที่สำคัญยังมีการกำหนดอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมคงที่ ปีแรกร้อยละ 3.5 ซึ่งนับว่าเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยปกติ การกำหนดราคาบ้านที่เหมาะสมจะช่วยให้ประชาชนผู้ที่มีรายได้น้อยถึงปานกลางสามารถซื้อบ้านได้จริง เพราะหากตั้งราคาบ้านวงเงินสูงเกินไปหรือไม่กำหนดเพดานรายได้ตามสัดส่วนข้างต้น ก็จะเอื้อประโยชน์ให้ประชาชนกลุ่มอื่น ซึ่งไม่ตรงกับเป้าหมาย

ทั้งนี้ ยืนยันว่า การกำหนดวงเงินเพดานของบ้านกับรายได้ของผู้ซื้อให้มีความเหมาะสมไม่กำหนดวงเงินบ้านสูงจนผู้ซื้อที่มีรายได้น้อย-ปานกลางเข้าไม่ถึง หรือเมื่อผู้ซื้อตกลงใจที่จะซื้อแล้วกลับเป็นภาระที่หนักเกินไป จะเป็นผลดีต่อผู้ซื้อบ้านมากที่สุด

อย่างไรก็ตาม แม้นโยบายของรัฐบาลจะกำหนดอัตราสูงสุดของการใช้สิทธิ์แต่ละรายที่ 3 ล้านบาท แต่ไม่ได้หมายความว่าประชาชนจะต้องใช้สิทธิ์สูงสุดตามจำนวนเงินนั้น แต่ให้พิจารณาถึงปัจจัยสำคัญอื่น ๆ ประกอบด้วย เช่น รายได้ และประมาณการเพิ่มขึ้นของรายได้ในอนาคต ตลอดจนค่าใช้จ่ายสำหรับซื้อเครื่องอำนวยความสะดวกและค่าใช้จ่ายแต่ละเดือน รวมถึงเงินออมของครอบครัว ว่าอัตราการผ่อนชำระแต่ละเดือนมีความเหมาะสมและเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด เพียงพอที่จะผ่อนชำระไปจนสิ้นสุดสัญญาหรือไม่ เพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ผู้ซื้อจนประสบปัญหาไม่สามารถผ่อนชำระต่อไปได้

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การดำเนินนโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาลนั้น นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับผลที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนคนไทยทุกคนเป็นลำดับแรก ดังนั้น หากที่ผ่านมามีโครงการใดดำเนินการแล้วได้ผลดี รัฐบาลก็ยินดีที่จะดำเนินโครงการนั้นต่อไป แต่อาจมีการปรับวิธีการบริหารจัดการให้สอดคล้องกับความเป็นจริง แต่หากโครงการใดไม่ประสบความสำเร็จ รัฐบาลจะเรียนรู้ เพื่อเป็นบทเรียนไม่ให้เกิดความผิดพลาดเหมือนที่ผ่านมา
กำลังโหลดความคิดเห็น